คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้คนที่อยู่รอบๆ กังขาอยู่บ้าง แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดก็ตาม
ทุกคนเพียงแค่สนใจเฉพาะเรื่องตรงหน้าของเขาเท่านั้น
ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนหนึ่งไม่พอใจ “พูดจาส่งเดช”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นกลับตีฝีปากเยาะเย้ย “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ตนเองก็อย่ากระทำ พวกท่านรีบร้อนฆ่าคนขนาดนี้ คงจะไม่ได้จะฆ่าปิดปากใช่หรือไม่?”
สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดมีความแค้นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะศัตรูร่วมกันอย่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ทั้งสองฝ่ายย่อมสู้กันไม่เลิกรา
ปัจจุบันถึงแม้จะอยู่ในกองทัพต่อต้านต้าเสวียนเหมือนกัน แต่ในยามปกติยังคงไม่ปรองดองกัน
แม้จะไม่ได้ขัดกันถึงขั้นอะไรที่เจ้าเห็นด้วยข้าไม่เห็นด้วย แต่สามารถทำให้หนงอวี่ซวนซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสำนักแสงสว่างเสียหายได้ สำนักความมืดย่อมยินดีทำ
ถึงผลลัพธ์ของพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกจะตกไปอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ จะทำให้คนสำนักความมืดคับข้องเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพราะการบุกของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำให้พิธีกรรมล้มเหลว เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแค่มีโชควาสนาพานพบเท่านั้น
พลังหลงเหลือของพิธีกรรมหากไม่ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็น่าจะตกไปอยู่ในมือของหนงอวี่ซวนแห่งสำนักแสงสว่าง
เทียบกับฝ่ายหลังแล้ว ฝ่ายแรกย่อมทำให้สำนักความมืดรับได้มากกว่า
ในตอนนี้มีโอกาสเล่นงานสำนักแสงสว่างแล้ว สำนักความมืดย่อมยินดียืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ
ในกองทัพแสงสว่างมีคนแค่นเสียง “เหมือนปลิงที่ได้กลิ่นคาวเลือด สำนักเราเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกท่านก็มาเกาะแล้ว”
“คิดจะเอาเปรียบ ต้องดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากล่าว ใครก็รู้ว่า เมื่อพูดถึงค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ผู้อาวุโสหนงของสำนักเราได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งยิ่ง แม้จะเป็นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็มีไม่กี่คนที่สู้ได้”
เขากวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “เรื่องใหญ่เช่นนี้ จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์เพียงคนเดียวจะทำได้หรือ? เป็นเรื่องตลกของใต้หล้าแท้ๆ”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นยังคงเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไยพวกท่านต้องรีบร้อน?”
ชายชราผู้นี้ไม่รู้ว่าคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นจริงหรือปลอม แต่เขาคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ขณะที่พิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกดำเนินอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับเดินทางจากหอสักการะย่อยไปยังหอสักการะหลักตามพลังของพิธีกรรมโดยไร้รอยขีดข่วน
ไม่เอ่ยถึงว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างน้อยความสามารถนี้ก็อธิบายได้แล้วว่า เยี่ยนจ้าวเกอมีระดับในด้านวิชาค่ายกลไม่ธรรมดา
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนในสำนักความมืดมีความมั่นใจในใจอยู่บ้าง
ผู้อาวุโสชีแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือยามนี้เอ่ยถามช้าๆ “วิธีการทำลายของหนงแสงดารา ปัจจุบันไม่ใช่ความลับ หลังจากเหล่าผู้อาวุโสของแต่ละสำนักไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็แน่ใจว่าวิธีการไม่มีปัญหา ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติเกาะเฉวียนหลิง ถูกทำลายด้วยการรบกวนไฟใต้พิภพแบบเก้าดาวต่อเนื่อง”
“คุณชายเยี่ยนกลับออกมาพูดว่าตนเป็นคนทำลายค่ายกลในตอนนั้น มีคนอื่นพิสูจน์ได้หรือไม่?”
ขณะที่พูด เขากวาดมองเยว่เป่าฉีแวบหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเยว่เป่าฉีเคยพูดถึงข้อสงสัยของตนเองกับผู้อาวุโสคนนี้ไปแล้ว
เยว่เป่าฉีได้บอกไว้แล้ว ผู้อาวุโสชีในตอนนี้จึงไม่ได้ตกตะลึงมากนัก
อย่างน้อย ก็ไม่ได้ตำหนิว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นแค่มหาปรมาจารย์กำลังคุยโวโอ้อวด
ชายหนุ่มพูดเหมือนไม่มีอะไรสลักสำคัญ “ถ้าเป็นพยานบุคคล กลับไม่มีจริงๆ”
คนในสำนักแสงสว่างแค่นเสียงเอ่ย “เป็นเจ้าใส่ความแต่ต้น นอกจากผู้สมรู้ร่วมคิดที่ร่วมมือกับเจ้า ย่อมไม่มีพยานบุคคลจริงๆ”
เยว่เป่าฉีขมวดคิ้ว ด้วยเพราะคำพูดของอีกฝ่ายมีความนัย
เยี่ยนจ้าวเกอพอมาถึงเกาะเทียนอิ้น ก็ตามหานางกับหอกระบี่ทะเลเหนือก่อน สำนักแสงสว่างรู้เข้า ย่อมต้องระวังตัว
แต่นางไม่ได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอทำลายค่ายกลด้วยตาตัวเองจริงๆ ยามนี้จึงไม่กล้าเอ่ยวาจา
ผู้อาวุโสสำนักความมืดคนนั้นหลุดหัวเราะ “จะว่าไป การทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของหนงอวี่ซวน ก็เป็นพวกท่านประกาศกันเอง มีพยานบุคคลหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี