ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 669

หนงอวี่ซวนจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ ครู่ต่อมาค่อยเอ่ยปากว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีไข่มุกมองฟ้า เป็นข้าผิดพลาดไป

“แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ล่อเจ้ามาได้ ก็เท่ากับบรรลุเป้าหมายแล้ว”

หนงอวี่ซวนเท้าเหยียบย่างอากาศ เดินมาหาเยี่ยนจ้าวเกอทีละก้าว “เทียบกับข้อนี้ ข้ออื่นไม่ต้องพูด”

คนของหอกระบี่ทะเลเหนือกับสำนักความมืดตวาด “ท่านจะทำอะไร?”

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนอื่นติดตามอยู่ด้านหลังหนงอวี่ซวน เขากล่าวว่า “ผู้อาวุโสชี เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร จะรายงานผู้คุมหอกู้ของสำนักท่านหรือไม่ พวกเราอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ท่านได้โปรดถอยไป สำนักแสงสว่างของข้าจะทำธุระ”

“เทียบกับคำว่าความสำเร็จ และคำว่าบุญคุณแล้ว การสังหารเด็กน้อยผู้นี้เป็นเรื่องที่ข้าให้ความสำคัญที่สุด”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตา

ผู้อาวุโสชีเดือดดาล “ท่านยังคิดจะลงมืออย่างอำมหิตต่อหน้าพวกเราอีกหรือ?”

ขณะพูด พลันมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกล เข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา

เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งนั้น พวกผู้อาวุโสชีต่างกลั้นลมหายใจ “…จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เทวะสำแดง! เพื่อรับมือกับคนรุ่นหลังระดับมหาปรมาจารย์เพียงคนเดียว ถึงกับขอให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเทวะสำแดงให้ลงมือเลยหรือ?!”

ทุกคนรู้สึกได้ว่า ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับสำนักแสงสว่าง ไม่ได้ผูกความแค้นกันทั่วไป

ทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวพันลึกซึ้งยิ่งกว่า ดังนั้นตอนนี้สำนักแสงสว่างต่อให้ต้องถูกฉีกหน้า ก็ต้องอาศัยพลังสะกดคนของหอกระบี่ทะเลเหนือและสำนักความมืดที่อยู่ที่นี่ไว้ เพื่อจัดการเยี่ยนจ้าวเกอให้ได้

การต่อสู้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ โดยเฉพาะที่อยู่ของสำนักแสงสว่างตอนนี้ได้รับการคุกคาม

จอมยุทธ์ระดับสูงสุดทุกคนต่างสำคัญยิ่ง ต้องพยายามรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดเท่าที่จะทำได้

แม้จะเป็นเช่นนั้น สำนักแสงสว่างยังคงส่งจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงคนนี้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน เห็นถึงความแน่วแน่ได้อย่างชัดเจน

หนงอวี่ซวนเดินเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอทีละก้าว “ในวินาทีที่เจ้าอดทนมายังเกาะเทียนอิ้นไม่ได้ จุดจบของเจ้าก็ถูกลิขิตไว้แล้ว นั่นคือความตาย!”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดคนนั้นแค่นหัวเราะ “ประเสริฐนัก ศัตรูร้ายกาจอยู่ด้านหน้า เพื่อต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไปของทุกสำนัก ต่างก็อยากจะมีผลงานยอดเยี่ยมทั้งนั้น คนของพวกเจ้ากลับยังมาอวดโอ่บารมีที่นี่อีก!”

ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างหลุดหัวเราะ “สุนัขไร้เจ้าของ หุบปากเสียดีๆ เถอะ ไม่เช่นนั้นจะกำจัดสำนักความมืดที่ทรยศต่อบรรพบุรุษอย่างพวกเจ้าไปด้วย”

“ไม่มีจอมยุทธ์ระดับสะพานเซียน ทั้งยังไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง พวกเจ้าก็แค่อาศัยความเร้นลับของหอสักการะหลัก ถึงได้รอดมาจนทุกวันนี้ ไม่เช่นนั้นสำนักเราคงทำลายที่อยู่ของสำนักความมืดไปนานแล้ว”

“ตอนนี้หอสักการะหลักของพวกเจ้าล่มสลาย ยังมีค่าให้พูดถึงอีกหรือ? สิ่งที่ฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนพึ่งพาคือสำนักเรา หอกระบี่ทะเลเหนือและเกาะมนุษย์สำริดก็มีที่พึ่งสุดท้าย ส่วนพวกเจ้าสำนักความมืดก็แค่นักดนตรีปลอมที่แสร้งทำไปตามน้ำ[1]เท่านั้น!”

ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นได้ยินก็เดือดดาลใหญ่ “พูดมาได้ไม่ละอายแก่ใจ!”

แต่ว่าในตอนนี้ กลิ่นอายของพลังอันแข็งแกร่งนั้นได้ครอบฟ้าดินไว้แล้ว

ดวงอาทิตย์สีเหลืองอร่ามสาดแสงบนศีรษะ แสงสว่างไร้ขอบเขตเผาไหม้ร่างกาย ทำให้ผู้คนเหมือนอยู่ในเตาหลอม เบื้องหน้าเป็นสีขาวโพลน มองสิ่งใดไม่ชัด

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วขึ้น ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นผู้นี้ คือคนรู้จักเก่าชัดๆ

ถึงแม้หากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ เคยเจอแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับศัตรูตรงหน้า เยี่ยนจ้าวเกอเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงที่สะกดเกาะเทียนอิ้น คือจอมยุทธ์ศักดิสิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชา เจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ลอยจากโลกแปดพิภพขึ้นสู่โลกซ้อนโลกหลังจากมีพลังฝึกปรือเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม

ผู้อาวุโสชีสีหน้าเคร่งขรึม “หนงแสงดารา พวกท่านเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว เกาะเทียนอิ้นเป็นดินแดนของพรรคเรา”

พูดจบ ก็ไม่กล่าวมากความอีก

ผู้อาวุโสชีตบฝักกระบี่ด้านหลัง กระบี่คมกว้างเล่มหนึ่งดีดออกจากฝัก พุ่งมาอยู่ในมือเขา

เขาสั่งความคิด ประกายกระบี่หลายสายสว่างขึ้นจากทั่วทุกทิศทุกทางบนน่านน้ำของเกาะเทียนอิ้น

ประกายกระบี่ตัดสลับ กลายเป็นค่ายกลยักษ์ค่ายหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ประกายกระบี่อันวาววับแผ่พุ่งไปทั่วบริเวณ พุ่งขึ้นมาพร้อมกัน ด้านล่างกวนคนทะเลลึก ด้านบนทะลุหมู่เมฆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี