คมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ในดวงตาของหนงอวี่ซวนปรากฏความเย็นชาและความคลุ้มคลั่ง
เขาละทิ้งการป้องกันของตัวเองโดยสิ้นเชิง หันมาโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอสุดกำลัง คิดจะตกตายร่วมกัน!
ก่อนหน้าวันนี้ ถ้าหากมีคนพูดกับหนงอวี่ซวนว่า เขาจะต้องเสี่ยงชีวิตกับคนที่เพิ่งเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเพื่อตายร่วมกัน หนงอวี่ซวนคงจะคิดว่าอีกฝ่ายพูดจามั่วซั่ว
แม้ไม่มีปราณดาบแสงทมิฬ พลังของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ซึ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าตายคนนั้น
เขาหลอมเปลี่ยนปราณดาบแสงทมิฬส่วนหนึ่ง อาศัยพลังระเบิดจากการกดข่มของแสงอาทิตย์และสุริยคราสพลังงานสองชนิด พลังของเขาจึงเพิ่มขึ้น คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันมีไม่กี่คน พลังย่อมล้ำเลิศยิ่ง
แต่ตอนนี้เขากลับพบว่า นอกจากนี้แล้วตนไม่อาจขอมากไปกว่านี้ได้อีก
“ดูถูกเจ้าไปจริงๆ หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ควรจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง บุกโลกแปดพิภพ ทำลายเจ้ากับเขากว่างเฉิง”
ท่ามกลางเสียงเราะ หนงอวี่ซวนลงมือสุดกำลัง จู่โจมใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ชายหนุ่มกลับหัวเราะ “ท่านใช้วิธีเช่นนี้ รังแต่จะตายเร็วขึ้น”
ปราณกระบี่สังหารเซียนสีขาวโพลนแบ่งเป็นสองส่วนกลางอากาศ
ปราณกระบี่สายหนึ่งป้องกันการจู่โจมของหนงอวี่ซวน ปราณกระบี่อีกสายยังคงฟันใส่ร่างของหนงอวี่ซวนโดยไร้สิ่งใดขัดขวาง!
หนงอวี่ซวนสายตาสับสน ประกายตาค่อยๆ สลาย
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าญาณจริงแท้ ลมปราณ หรือแม้แต่วิญญาณของตน นาทีนี้กำลังมุ่งสู่ความพินาศ
ตัวเขาเองจับจ้องกระบี่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง “นี่เป็นวิชากระบี่อะไร น่ากลัวและคมกล้านัก เจตจำนงเหมือนกับทุกสรรพสิ่งสิ้นสุด เหมือนกับวันสิ้นโลกก็ไม่ปาน”
ทันใดนั้น เขาพลันตกใจ “รอเดี๋ยว หรือว่าจะเป็นสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนในตำนาน?! มีแต่กระบี่ทำลายล้างที่แสดงวิถีแห่งความพินาศเท่านั้นถึงจะมีจิตพลังเช่นนี้”
ก่อนสำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดจะแบ่งแยกกัน สำนักประกายกาฬก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านวรยุทธ์ที่ดำรงอยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ถึงแม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมาย หลายสิ่งสาปสูญ แต่ว่าการสั่งสมและประสบการณ์ทั้งหมดยังคงบนตัวผู้คน
หนงอวี่ซวนในฐานะที่เป็นคนสำคัญของสำนักแสงสว่าง ได้อ่านบันทึกคัมภีร์โบราณของสำนักไปมากมาย
ครั้นเขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่น่าพรั่นพรึงของเยี่ยนจ้าวเกอ จู่ๆ จิตใจของเขาก็เปิดโล่ง นึกถึงตัวตนในตำนาน
เทียบกับกระบวนท่าสูงส่งที่แข็งแกร่งทุกชนิดแล้ว สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนซึ่งเป็นตัวแทนของจุดสิ้นสุด ย่อมมีชื่อเสียงมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าเขาไม่รู้จักกระบี่สังหารเซียน เพียงแค่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
กระนั้น เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่านอกจากนี้ยังมีวิชากระบี่วิชาใด ที่แข็งแกร่งเช่นนี้และโหดเหี้ยมเช่นนี้
คมกระบี่รุ้งพร่างพราวในมือเยี่ยนจ้าวเกอหมุนครั้งหนึ่ง ขัดขวางการโจมตีที่ด้านหลังซึ่งมาจากเฉิงซง
ถึงอย่างไรเฉิงซงก็เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น
แม้ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะมีพลังล้ำเลิศ อีกทั้งยังได้เปรียบด้านอาวุธ แต่ก็ได้แต่ขัดขวางไว้ ไม่อาจรับประกันว่าจะดูแลได้ทั่วถึง
เมื่อสู้ไปนานๆ เฉิงซงก็ได้โอกาสทำลายแนวป้องกัน ทว่าการโจมตีของเขายังถูกเยี่ยนจ้าวเกอหยุดไว้
ในตอนนี้ได้ยินคำพูดของหนงอวี่ซวน เฉิงซงเองก็ตกใจ “สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน วิชาสายตรงของสายเหนือพิสุทธิ์?!”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างงงงัน “จริงสิ นอกจากนี้แล้ว จะมีวิชากระบี่ไหนที่โหดเหี้ยมและแข็งแกร่งเท่านี้อีก?”
“อานุภาพเช่นนี้ คงไม่ใช่สาขาที่พัฒนาขึ้น ต้องเป็นวิชาสายตรงในวิชาสายตรง ดั้งเดิมในดั้งเดิม!”
หนงอวี่ซวนมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันหัวเราะร่า หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่งเลยก็ว่าได้ “ฮ่าๆๆ! ที่แท้ที่มาของเจ้าคือเคล็ดวิชาสายเหนือพิสุทธิ์!”
“มิน่าถึงได้มีพลังขนาดนี้ มิน่าล่ะ ข้าแพ้โดยไม่ต้องละอายแล้ว!”
“แต่ว่าวันเวลาของเจ้าไม่มีวันยาวนาน!” สีหน้าของหนงอวี่ซวนเปล่งปลั่ง เหมือนกับเป็นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย
รอยยิ้มของเขาบ้าคลั่งและแปลกประหลาด เคียดแค้นและมีความสุข “เมื่อหนึ่งพันปีก่อนกษัตริย์ดินสั่งไว้ว่า ห้ามผู้สืบทอดของสายเหนือพิสุทธิ์เหยียบโลกซ้อนโลก!”
“ผู้ขัดขืน แม้จะออกจากโลกซ้อนโลกไปในภายหลัง ก็ต้องถูกฆ่าทิ้งไม่มีละเว้น!”
“แม้แต่สาขาย่อยยังเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้สืบทอดสายตรงอย่างเจ้ากระมัง?”
หนงอวี่ซวนมองเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าพลางพูดว่า “เจ้าตายแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี