เฟิงอวิ๋นเซิงมียอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงพากลับไปที่สำนักพร้อมกัน
คำนวณถึงปัญหาที่รุนแรงขึ้นกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ยอดฝีมือของเขากว่างเฉิงที่มาในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอยู่ช่วยผู้อาวุโสฉินดูแลความสงบของของเกาะนภาตะวันออก และอาณาจักรถังตะวันออก รับมือกับการแก้แค้นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้
เมื่อส่งเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็กลับไปยังที่พักของตน ขณะที่เดินกลับก็คิดไตร่ตรองไปด้วย
ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักเอาการ พลังความสามารถและศักยภาพของตนที่แสดงออกมาในระยะนี้ก็ค่อนข้างจะยอดเยี่ยม สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าครึ่งจะต้องจับจ้องตนเองเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายก็ยังมีเหยียนซวี่ที่คอยเฝ้าระแวดระวังไม่วาง
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเพียงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ยังเอาชนะเซียวเซิงที่อยู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายได้ ฉะนั้นในตอนนี้กลุ่มจอมยุทธ์ชุดดำจึงไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้คุ้มกัน พวกเขาไม่สามารถทำหน้าที่ได้มากพอ กลับกันอาจจะพาเจ้านายลงเหวพร้อมกันด้วยซ้ำ ถึงเวลานั้นใครจะปกป้องใครกันแน่
แต่ว่าจอมยุทธ์ชุดดำกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ออกจากอาณาจักรถังตะวันออกในทันที พวกเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป รอฟังคำสั่งจากเยี่ยนจ้าวเกออยู่ตลอดเวลา
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มของผู้อาวุโสฉินและเยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่งหน้าไปยังเมืองใกล้ปราการ
ที่นั่น เยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ได้เห็นร่างไร้วิญญาณของหลินอวี้เสา
ถึงตอนนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของหลินอวี้เสาจริงๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งไม่ใช่การมองภาพนิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
เหมือนอย่างเช่นที่เหยียนซวี่พูดไว้ บาดแผลบนร่างกายของนาง เกิดจากการใช้วิชาฝ่ามือดุสิตของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะแรก
พลังเพลิงไฟสีม่วงของฝ่ามือดุสิตกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
…และอำพรางร่องรอยอื่นๆ ไว้ด้วยเช่นกัน
“หญิงงามชะตาสั้น…” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวนิ่งๆ
เมื่อผละออกมาจากร่างของหลินอวี้เสา เยี่ยนจ้าวเกอก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ‘เยี่ยจิ่ง มาถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ หรือ’
‘โอ๊ะ ตอนนั้นที่บึงน้ำแข็ง เหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง หากยังใช้วิชาลับนั่นรักษาอาการบาดเจ็บต่อไปอีกล่ะก็ จิตใจของเขาต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงขึ้นอีกแน่’
‘หากเป็นเช่นนี้ก็มีโอกาสที่จะยิ่งฉุนเฉียว ยิ่งดุร้ายมากขึ้นแน่นอน’
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเยือกเย็น ‘ในเมื่อเจ้าจะตัดทางโลกจริงๆ แล้วล่ะก็ ข้าก็ส่งเจ้าในวาระสุดท้ายด้วยมือข้าเองก็แล้วกัน’
เมื่อกลับถึงที่พัก อาหู่ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเสียงเบาว่า “คุณชายขอรับ”
ทันทีที่เห็นใบหน้าที่ดูเหมือนจะจริงใจ แต่ความจริงกลับมีลับลมคมนัยของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็กลอกตาขาวครั้งหนึ่ง
ชายหนุ่มมองตามสายตาของอาหู่ พบหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างทาง
“ศิษย์น้องซือคง เจ้าออกฌานแล้วหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม “ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว ข้ามผ่านจุดขวางกั้นได้สำเร็จ บรรลุถึงระดับปรมาจารย์แล้วสินะ”
หญิงสาวคนนั้นก็คือซือคงจิง ที่เย็นชาและเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด
นางโค้งคำนับให้กับเยี่ยนจ้าวเกออย่างหนักแน่นครั้งหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ได้รับคำชี้แนะจากศิษย์พี่เยี่ยน หลังจากออกฌานแล้ว จึงมาเพื่อกล่าวขอบคุณโดยเฉพาะ”
“เรื่องของศิษย์น้องหลิน ข้าก็ได้ยินมาแล้ว ขอแสดงความเสียใจกับศิษย์พี่เยี่ยนด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “ข้าไม่เป็นไร ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วง”
เมื่อกล่าวจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็มองหน้านางอย่างพินิจพิจารณา “ไม่เลวเลย ปรมาจารย์รุ่นเยาว์อายุสิบหกปี ที่สำนักเราก็ถือว่าพบได้ยาก ศิษย์น้องซือคงจิตใจแน่วแน่เสียจริงๆ”
“แต่ก็อย่าได้วางใจนักล่ะ เจ้าน่าจะรู้ดีว่าเมิ่งหว่านแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่อายุสิบห้าก็เป็นปรมาจารย์แล้ว”
สีหน้าท่าทางซือคงจิงสงบนิ่ง แววตามุ่งมั่นแน่วแน่ “เจ้าค่ะ ข้าทราบดี”
“ไม่โอหัง ไม่ฉุนเฉียว ดีมาก” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เจ้ามีใจฝักใฝ่ในการฝึกฝน จิตใจมั่นคงแน่วแน่ ดังนั้นข้าก็ไม่กลัวที่จะพูดกับเจ้าตรงๆ นอกจากเมิ่งหว่านแล้ว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่เข้าสู่ระดับปรมาจารย์ตอนที่อายุยังไม่ถึงสิบหกปีบริบูรณ์เช่นกัน”
“แต่บัดนี้นางได้เข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักของเราแล้ว”
ซือคงจิงพูดนิ่งๆ ว่า “หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนวิชากับนางบ่อยๆ คิดว่าข้าคงได้ประโยชน์ไม่น้อย”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง จู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มออกมา “แต่นางกับเมิ่งหว่านเป็นสตรีจันทราเหมือนกัน สถานการณ์ค่อนข้างจะพิเศษ เพื่อให้มีผลในการทดสอบจันทรากาย สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ใช้วิธีบางอย่างจึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายหลังจึงมีรากฐานไม่มั่นคง ทำให้ตอนที่ฝึกฝนเริ่มแรกเร็วภายหลังช้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี