เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับโจวฮ่าวเซิง หลังจากเจ้าสำนักความมืดเงียบงันอยู่นาน ก็เอ่ยปากถามว่า “ของวิเศษชิ้นหนึ่งที่สหายเยี่ยนพูดถึง หรือจะเกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิและสำนักเดิม?”
“ข้าเองก็ไม่กล้ายืนยัน” เยี่ยนจ้าวเกอเล่าตามจริง “นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้มาจากคนอื่นในอดีต ส่วนเจ้าของคนเดิมของมันเคยถูกสำนักแสงสว่างไล่สังหารมาก่อน”
โจวฮ่าวเซิงได้ยินดังนั้น คิ้วขาวสองข้างพลันเลิกขึ้นเล็กน้อย
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “แต่ว่า ข้าได้ศึกษาด้วยตัวเอง สัมผัสได้ว่าของสิ่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิประกายกาฬและสำนักประกายกาฬจริงๆ”
โจวฮ่าวเซิงเงียบลงอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างใจเย็น
ครู่ต่อมา โจวฮ่าวเซิงค่อยๆ พูดว่า “ความจริงตัวข้าก็ไม่ทราบถึงความจริงเรื่องการสวรรคตขององค์จักรพรรดิเช่นกัน”
หลังจากเว้นอยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อยพูดเสริมว่า “นอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ในตอนนั้นผู้มีอำนาจระดับสูงของสำนักเองก็ร่อยหรอ คนที่เหลืออยู่มีคนที่ทราบเรื่องไม่กี่คน”
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว
ในหมู่ยอดฝีมือที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย นับได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลระดับสุดยอด
การสวรรคตของท่านส่งผลกระทบไม่น้อย ทว่าแม้แต่คนในสำนักประกายกาฬเองก็ไม่ทราบความจริง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ใช่เป็นสามกษัตริย์ลงมือหรือไม่? หรือจะโดนคนที่ได้รับการเรียกขานว่าจักรพรรดิคนอื่นรุมโจมตี?” เยี่ยนจ้าวเกอถามตรงๆ
โจวฮ่าวเซิงเสียงเคร่งขรึมลง “บรรพบุรุษรุ่นก่อนต่างคาดเดา ทว่ากลับไม่ก็ไม่ได้ความอะไร มีหลายอย่างที่พวกเราหาไม่เจอ”
สายตาเขาอ่อนโยนลง ในห้วงสมองปรากฏภาพที่ผู้อาวุโสถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง
ในตอนนั้น ยังเป็นช่วงที่สำนักประกายกาฬรุ่งเรืองถึงขีดสุด จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยพายอดฝีมือที่อยู่ใต้บังคับบัญชาออกจากสำนัก ว่ากันว่ากรีฑาทัพไปยังต่างแดน
ทุกอย่างดูปกติมาก มิคาดกลับไปแล้วไปลับ
เหล่าผู้นำระดับสูงที่อยู่เฝ้าสำนักประกายกาฬลองติดต่อ กลับไร้ข่าวคราว
จนมาวันหนึ่ง จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเสด็จกลับมาที่หอสักการะหลักสำนักประกายกาฬตัวคนเดียว แล้วสวรรคตในวันนั้น
ก่อนสวรรคต ลูกศิษย์ในสำนักได้สอบถามเหตุผล ทว่าอิ่นเทียนเซี่ยไม่ได้ตรัสอันใด เพียงเขียนลวดลายอาคมที่แปลกประหลาดหนึ่งใส่อากาศ
หลังจากท่านสิ้นสวรรคต ลวดลายค่ายกลนั้นก็ขยายกลายเป็นหลุมดำ ดูดศพของท่านเข้าไปด้านใน
โครงสร้างของหอสักการะหลักสำนักประกายกาฬพังทลาย เศษชิ้นส่วนหมุนรอบลวดลายค่ายกลและศพของอิ่นเทียนเซี่ย จากนั้นก็ประกอบกันเป็นสุสานขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง
สุสานในที่สุดก็หายไปในส่วนลึกของหลุมดำ หลุมดำหมุนวนเปลี่ยนแปลง กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้า แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
กลางฟ้าดินที่ว่างเปล่ามีตัวหนังสือลอยขึ้นมาว่า ‘ต่างคนต่างแยกย้าย’
ทุกคนในสำนักต่างงุนงง กระนั้นก็ทราบว่า สำนักประกายกาฬของพวกตนครั้งนี้ประสบคราเคราะห์เสียแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา สำนักประกายกาฬที่ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดัง หลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ยิ่งมีบารมีน่าตื่นตะลึกในโลกซ้อนโลก ก็ค่อยๆ ล่มสลาย
ในขณะที่สำนักประกายกาฬผงาดขึ้น ก็ได้สร้างความแค้นกับคนหลายคน ในช่วงที่อ่อนแอจึงถูกคนซ้ำเติม อ่อนกำลังมากกว่าเดิม
จนกระทั่งท้ายที่สุดความมืดและแสงสว่างก็แบ่งแยก ความยิ่งใหญ่หายไปจุดควันเมฆ
เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองพลางถามว่า “กรีฑาทัพไปต่างแดน…นพยมโลกหรือ?”
โจวฮ่าวเซิงส่ายหน้า “รายละเอียดในนี้ ข้าเองก็ไม่ทราบ”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ศพขององค์จักรพรรดิ รวมถึงของวิเศษทั้งหมดที่น่าจะยังเหลืออยู่ ก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เพราะสิ่งเหล่านี้คนรุ่นหลังอย่างพวกเราจึงเกิดเรื่องเล่าหนึ่งขึ้น เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิ”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “เจ้าสำนักโจวหมายความว่า ของที่อยู่ในมือข้าเกี่ยวข้องกับสุสานจักรพรรดิประกายกาฬหรือ?”
“ข้าคิดเช่นนั้น” โจวฮ่าวเซิงกล่าวอย่างเชื่องช้า “องค์จักรพรรดิสวรรคต ไม่ได้ทิ้งมรดกอะไรเอาไว้ ถ้าหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ในตอนที่สร้างสุสานจักรพรรดิขึ้น มีชิ้นส่วนบางชิ้นตกลงมา บางทีอาจจะเป็นของวิเศษเพียงชิ้นเดียวที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี