ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้รุนแรงกว่าเดิม
หลังจากเขาตั้งใจแยกแยะก็พบว่า สิ่งที่ได้รับการดึงดูดไม่ใช่ร่างกายของตน แต่เป็นวังฝูงมังกร!
นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกหวั่นใจ ‘สิ่งที่ดึงดูดวังฝูงมังกร’
กระแสปั่นป่วนของมิติเวลากระเพื่อม แค่อึดใจเดียวทุกคนต่างกระจัดกระจายกันหมด
เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับไปดูทิศทางที่โลงศพศิลาและตะเกียงประกายกาฬอยู่อีกครั้ง เห็นโจวฮ่าวเซิงพยายามเข้าใกล้ตะเกียงประกายกาฬ
ทว่าห้องเก็บศพเหมือนกับแยกออก กระจายไปในมิติ แม้แต่สุสานจักรพรรดิประกายกาฬที่อยู่รอบๆ ก็เหมือนกลายเป็นความว่างเปล่า
ด้านในมิติความมืด มีลำแสงมืดสลัวหลายสายพรั่งพรูขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มรู้ว่านี่เป็นเพราะความน่าอัศจรรย์ของสุสาน ซึ่งจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยสร้างให้กับตัวเอง จึงสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างมิติได้
บางครั้งก็ดูเหมือนกับสุสานขนาดยักษ์ที่สร้างจากวัสดุที่มีรูปร่างจับต้องได้ แต่บางครั้งสุสานทั้งสุสานก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ว่างเปล่าไร้ตัวตนได้อีก
สามารถสับเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างสองอย่างได้ ตัวควบคุมการเปลี่ยนแปลงบางทีอาจจะอยู่ที่ตะเกียงประกายกาฬนั่นก็ได้
โจวฮ่าวเซิงกับร่างความมืดสถิตที่อยู่ข้างเขา ยังพยายามเข้าใกล้ตะเกียงประกายกาฬอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งท่าร่างของตน แต่ว่าแค่เห็นการเปลี่ยนแปลงของมิติตรงหน้า ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ด้านในมิติแต่ละมิติ ความเร็วของเวลาก็ดูเหมือนจะแตกต่างกัน มีทั้งช้าทั้งเร็วเช่นกัน
นี่ทำให้กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาที่อยู่ด้านหน้าสับสนกว่าเดิม เกิดเป็นความรู้สึกบิดเบี้ยวที่ซับซ้อน
เยี่ยนจ้าวเกอเรียกวังฝูงมังกรออกมา วังขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่กลางกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
การสั่นไหวของวังฝูงมังกรในครั้งนี้รุนแรงเป็นพิเศษ เหมือนพร้อมถล่มได้ตลอดเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้สะกดความคุมการเปลี่ยนแปลงของวังฝูงมังกร กลับเฝ้าดูอย่างสงบ ปล่อยให้วังฝูงมังกรเคลื่อนไหวเอง
ในความมืดมัว เหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังเกาะเกี่ยววังฝูงมังกรให้พุ่งไปยังส่วนลึกของมิติทีละน้อย
ด้านหน้าพลันมีประกายแสงสว่างวาบขึ้น ลำแสงหลายสายและฝุ่นละอองลวงตารวมตัวกันด้านในประกายแสง
ตัวตนที่ว่างเปล่าเริ่มกลับเป็นของแข็ง สุสานจักรพรรดิประกายกาฬค่อยๆ โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง
พื้นดินท่านของเยี่ยนจ้าวเกอจับตัวกันใหม่ มีกำแพงแนวหนึ่งโผล่ขึ้นมารอบๆ
ตรงหน้าคือประตูศิลาที่ปิดอยู่บานหนึ่ง
เขาหมุนตัวไปมอง ทว่าเห็นแต่สีดำสนิท มองไม่เห็นพวกโจวฮ่าวเซิง และมองไม่เห็นตะเกียงประกายกาฬ
‘หลังจากจริงปลอมสับเปลี่ยน คนที่กระจัดกระจายไปอยู่คนละมิติก็ไปโผล่ในสถานที่ที่แตกต่างกันกันในสุสานหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว ‘แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ดูเหมือนจะส่งผลต่อมิติด้านนอกสุสาน ทำให้ผนึกพิทักษ์ของสุสานจักรพรรดิทั้งหมดทำงานขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเป็นการพาคนของสำนักแสงสว่างเข้ามาหรือไม่?’
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าคิดไปก็ไร้ประโยชน์ พุ่งความสนใจไปอยู่บนประตูศิลาตรงหน้าอีกครั้ง
หลังจากวังฝูงมังกรหดเล็กลง ก็ติดแน่นอยู่บนประตูศิลา และสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนประตูศิลาที่ปิดอยู่นั้น ยามนี้ถึงกับเริ่มขยับ
ชายหนุ่มจ้องมองประตูศิลา เห็นบนผิวประตูมีเส้นสายมากมายนูนขึ้นมา และเปล่งแสงเจ็ดสี
แสงเจ็ดสีนี้รวมกับประกายแสงที่มืดสลัวในสุสานมังกรกลายเป็นหนึ่งเดียว แยกจากกันไม่ออก
แต่ต่างฝ่ายต่างแฝงจิตของหลักการที่แตกต่างกัน เทียบกับแสงสว่างมืดสลัวที่กระจายอยู่ทั่วสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกคุ้นเคยกับแสงเจ็ดสีนี้มากกว่า
เมื่อเห็นแสงสว่างนี้ และเห็นลวดลายอาคมอันลี้ลับบนผิวประตูศิลาอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอก็พึมพำกับตัวเอง “เป็นโบราณสถานของวังเทพจริงๆ ด้วย”
ประตูศิลานี้เกี่ยวข้องกับวังเทพบนสวรรค์ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต
วังฝูงมังกรของเยี่ยนจ้าวเกอใช้ศพของฝูงมังกรหลอมสร้าง โครงสร้างในตอนแรก คือนิ้วเก้ามังกร อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำชิ้นหนึ่ง
แต่ว่าแกนหลักที่อยู่ใจกลางของตัววัง รวมถึงเสาค้ำ ล้วนเป็นซากโบราณสถานของวังเทพในอดีตทั้งสิ้น
ประตูศิลาที่ปิดแน่นตรงหน้านี้ เป็นสิ่งที่คล้ายคลึงกับเสาระเบียงและคานของวังเทพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี