ถึงแม้ว่าจะมีสำนักความมืดเป็นตัวอย่าง แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ปฏิเสธการเสี่ยง
เพียงแต่โอกาสที่จะสำเร็จจำเป็นต้องให้ทุกคนชั่งน้ำหนักพิจารณาให้ละเอียด
กระนั้นหากไปพบหลินฮั่นหัว ราชากระบี่ภูผาเงา ศิษย์อันดับหนึ่งของประมุขอาคเนย์ในตอนนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะได้พบคนของสำนักความมืด
ความตั้งใจของอีกฝ่ายถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ตนเองกลับได้ประโยชน์อย่างเต็มเปี่ยม ในการพบหน้ากันย่อมหลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วนไม่ได้
ด้วยหนังหน้าหนาๆ ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ต้องคิดให้ดีเช่นกัน
ทว่าก็ยังจำเป็นต้องเจอหลินฮั่นหัวอยู่ดี
หลินฮั่นหัวเป็นบุรุษที่ภายนอกดูเหมือนกับคนหนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นหล่อเหลาไม่ธรรมดา และมีความองอาจสง่างาม
แต่อายุที่แท้จริงของเขากลับมากกว่าเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียงไม่รู้เท่าไร
คนผู้นี้เหมือนกับกระบี่คมออกจากฝัก เมื่อเผยความคมกล้าออกมา ก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเจิดจ้า คิดถอยหนีโดยสัญชาตญาณ
นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจยิ่งกว่าเดิม ว่ากันตามปกติหลินฮั่นหัวได้เลื่อนไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางแล้ว
จอมยุทธ์ที่พลังฝึกปรือน้อยกว่า คิดเก็บความคมกล้าของตัวเองต่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง ปิดบังลมปราณของตัวเองไม่ให้ไหลออกด้านนอก เพื่อไม่ให้ถูกลมและน้ำค้างกัดกิน
กระบี่วิเศษเมื่อเผยประกายคมออกมา ย่อมสั่นสะท้านและคุกคาม กระนั้นตัวเองก็จะได้รับการกัดกินอย่างต่อเนื่องจากโลกภายนอก
เมื่อเก็บไว้ในฝัก แม้จะดูธรรมดา แต่เป็นผลดีในการเก็บรักษา ค่อยชักออกมาดื่มโลหิตในตอนที่จำเป็นก็พอ
จอมยุทธ์ฝึกฝนลมปราณของตัวเองก็เป็นหลักการที่ใกล้เคียงกัน การควบคุมลมปราณเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ทุกคนต้องฝึก
แต่ว่าหลักการข้อนี้ เหมือนจะไม่มีผลต่อหลินฮั่นหัว เขาเหมือนกับเผยความคมกล้าให้เห็น ทำให้คนต้องเอียงตามอง คิดไม่มองยังยาก
เยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้ามองไป พื้นใต้เท้าของหลินฮั่นหัวไร้รอยขีดข่วน แต่นั่นเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
หลังจากหลินฮั่นหัวก้าวออกมา แล้วเป่าลมไปบนพื้นตรงนั้น พื้นดินจะพังทลายเป็นหลุมใหญ่ทันที
ดินหินของที่นั่นได้ถูกหลินฮั่นหัวป่นเป็นผงจนหมดแล้ว เพียงแค่ยังรักษาสภาพเดิมไว้ชั่วคราวก็เท่านั้น
ส่วนพวกเยี่ยนจ้าวเกอและไป๋จื่อหมิง เมื่อมาถึงเบื้องหน้าหลินฮั่นหัว ก็ถึงขั้นเกิดความรู้สึกไม่อาจเข้าใกล้
เมื่อเข้าใกล้ ก็จะเป็นเหมือนกับพื้นดินใต้เท้าของหลินฮั่นหัว ถูกปราณกระบี่นับพันล้านสายขยี้เป็นผุยผง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดว่าหลินฮั่นหัวจะไม่สามารถเก็บปราณกระบี่ของตัวเองได้ เขาเองก็ไม่มีความจำเป็นแสดงบารมีต่อหน้าทุกคน
เช่นนั้นก็เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวก็คือ นี่เป็นวิธีการฝึกฝนตัวเองของหลินฮั่นหัว
นอกจากนี้ยังต้องทำอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับการฝึกของคัมภีร์พลิกนภา สำหรับหลินฮั่นหัวแล้ว มันเป็นธรรมชาติราวกับการหายใจ
เพียงแต่การฝึกเช่นนี้มีพลังการทำลายล้างรุนแรงเกินไปบ้างจริงๆ
เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดาว่า เขาอาจจะใช้ตัวเองต่างกระบี่ ใช้ฟ้าดินทั้งหมดด้านนอกเป็นหินลับกระบี่ เคี่ยวกรำตัวเองตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก
ถึงแแม้จะมีสภาวะกล้าแข็งและน่ากลัวถึงขีดสุด ทำให้คนยากจะเข้าใกล้ แต่ท่าทีของหลินฮั่นหัวกลับสงบนิ่งยิ่ง “นี่เป็นเพราะข้ายามว่างไม่มีอะไรทำ จึงฝึกฝนวิชาเอง ทำตัวน่าขายน่าเสียแล้ว ขออภัยที่เสียมารยาท”
ปราณกระบี่บนร่างของเขาค่อยๆ หายไป สุดท้ายก็สัมผัสไม่ได้อีก
แรงกดดันที่อยู่บนตัวพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เบาลงด้วย
ทุกคนคำนับกัน หลินฮั่นหัวมองไปยังหวังฮุ่ยที่ถูกจับ พยักหน้าเล็กน้อย “ดีที่ทุกท่านลงมือช่วยเหลือ ศิษย์น้องเจิ้งเจ้าพานางไปพบกับท่านอาจารย์ที่เขาโถงทองโดยเร็วเถอะ”
เจิ้งหมิงขานรับ จากนั้นก็มองเยี่ยนจ้วเกอแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “หลี่จิ้น ‘หงส์ม้วนอัคคีผลาญ’ ซึ่งเป็นศิษย์น้องของนาง และเป็นลูกศิษย์ของประมุขนานฟาง ถูกสหายน้อยเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งในขณะหลบหนี”
หลินฮั่นหัวได้ยิน ก็รู้สึกประหาดใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี