เขตแดนของความว่างเปล่าและมิติเวลาที่ปั่นป่วนต่างบิดเบี้ยว ความเร็วของเวลาแตกต่างกัน แต่ว่าในตอนนี้กลับถูกคลุมไว้ด้วยสีเลือดชั้นหนึ่ง
คังฮูหยินมีประสบการณ์ไม่ธรรมดา จิตใจของนางจึงรู้สึกหนักอึ้งขึ้นทันที “…หลอดเลือดปีศาจ?!”
เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อมมือออกมาแทงปลายนิ้วของตัวเอง ใช้นิ้วต่างพู่กัน และใช้เลือดของตัวเองเขียนเป็นอักขระคาถาบทหนึ่งกลางอากาศ
ไม่ใช่อักขระที่ทุกคนคุ้นเคย แต่เป็นอักขระพิเศษที่ประหลาดหายาก คลุมเคลือกยากเข้าใจ มีความหมายลี้ลับ
อักขระคาถาสีแดงเลือดสลักใส่กลางอากาศ ผสมกับม่านแสงสีเลือดนั้น
ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงประหลาดที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจตะโกนขึ้น “เซ่นสรวง!”
แสงสีเลือดพลันเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา จิตที่โบราณถึงขีดสุดสายหนึ่งทะลุความว่างเปล่าลงมาถึง
จิตนั้นว่างเปล่า เจ้าของยังมีชีวิตหรือตายไปแล้วไม่อาจทราบ ทว่าในตอนนี้กลับส่งเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่น เหมือนทะลุการเวลาอันยาวนาน
บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ฉีกกระชากเพิ่มขึ้นอีกอย่างสะเทือนเลือนลั่น ร่องแยกมิติขยายออกมากกว่าสองสามเท่า!
คังเม่าเซิงกับคังจิ่นหยวนที่อยู่นอกบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ หนีไม่ทัน พลันถูกดูดเข้าไปในร่องแยก
คังฮูหยินตกใจ ไม่คิดจะหยุดบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อีกต่อไป ประกายกระบี่วาดขึ้น ม้วนคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวนไว้ คิดจะออกไปก่อนค่อยว่ากล่าว
แต่ว่าพิธีกรรมที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นมา กลับทำให้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เหมือนมีชีวิตขึ้นมา ราวกับสัตว์ยักษ์ดุร้ายที่แท้จริง
แสงสีเลือดกระจายไปทั่ว ปิดผนึกร่องแยกมิติ ได้แต่เข้า ไม่อาจออก
มิติหมุนเวียน ประกอบกันเป็นน้ำวนสีเลือดขนาดมหึมาลูกหนึ่ง กำลังจะกลืนกินคนทุกคน
เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ในสภาพเดียวกัน บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เกิดความผิดปกติต่างก็ปฏิบัติกับทุกคนและทุกสิ่งที่อยู่ด้านในอย่างโหมเหี้ยมไม่ต่างกัน
พวกถานจิ่นจากสำนักแสงสว่างไม่อาจหนีรอด
อย่างเดียวที่ทำให้คังฮูหยินโล่งใจก็คือ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เกิดความปกติในตอนนี้ แม้จะปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง แต่ประกายแสงสลายไป และพลังแห่งเขตแดนไม่ได้ตัดสลับและบิดเบี้ยวเหมือนเดิมแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง คังจิ่นหยวน และคังเม่าเซิงที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าขั้นเทวะสำแดงจึงอยู่ในนี้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่ถึงกับถูกพลังแห่งเขตแดนบดขยี้
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บพัดกระดาษไม้เจี้ยน หันไปร่วมทางกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พยายามหยุดยั้งท่าร่าง หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำวนสีเลือดที่อยู่ในมิติกลืนกิน
เขาย่อมรู้จักพิธีกรรมที่เขาควบคุมด้วยตัวเองเป็นอย่างดี
หากตกลงไปในน้ำวนสีเลือดนั้น แม้จะไม่ถูกกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาม้วนไป แต่ก็กลายเป็นเครื่องเซ่นของพิธีกรรม ถูกบูชาเลือดตรงนั้น ตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
คนสามกลุ่มติดอยู่ในสภาวะชะงักงันอีกครั้ง ทุกคนพยายามทรงตัว เพื่อไม่ให้ถูกน้ำวนสีเลือดกลืนกิน บัดนี้ไม่มีเวลาสนใจอีกฝ่ายแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอในฐานะผู้จัดพิธีกรรม แม้จะได้รับการคุกคามจากตัวพิธีกรรมเอง แต่ก็สามารถเคลื่อนใบมีดเหลือที่ว่างได้[1]
คังฮูหยินกับถานจิ่น เจ้าตำหนักแสงปรวนแปรมีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูง ยังพอฝืนประคับประคองได้
สุดท้ายเวลาที่พิธีกรรมคงอยู่ก็ยังคงมีอย่างจำกัด พวกนางเชื่อว่าขอแค่ผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็จะหนีรอดได้สำเร็จ
ถึงแม้ว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเกี่ยวข้องกันเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทว่ายอดฝีมือซึ่งเป็นสตรีที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าทั้งสองคน ในตอนนี้รู้สึกคับข้องใจยิ่ง อยากจะสังหารเยี่ยนจ้าวเกอให้เร็วที่สุด
การร่วมมือระหว่างพวกนางทั้งสองคนไม่อาจดูแคลน แต่ว่าในตอนนี้กลับไม่มีโอกาสลงมือโดยสิ้นเชิง ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่เกิดความผิดปกติถ่วงรั้งไว้ จนศีรษะไม้หน้าผากเกรียม[2]
ทั้งสองฝ่ายต่างตัดสินใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่าหากหลุดไปได้ จะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอก่อนค่อยว่ากล่าว
ไม่อย่างนั้นคงมีแต่ฟ้าที่ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะใช้ความสามารถประหลาดอะไรออกมาอีก
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งป้องกันแรงดึงดูดจากน้ำวนสีเลือด ทางหนึ่งสำรวจการเปลี่ยนแปลงของมิติตรงหน้าอย่างละเอียด
บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เกิดความผิดปกติขึ้น ไม่อาจพาออกจากโลกซ่อนโลก เพื่อลงไปยังโลกเบื้องล่างอยู่ชั่วขณะ เส้นทางถูกอุดไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี