ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 776

ความปรวนแปรของปราณวิญญาณและเสียงพูดคุยกันของผู้คน เยี่ยนจ้าวเกอล้วนรู้สึกคุ้นเคย

เขาค่อยๆ เก็บกลิ่นอาย เข้าไปใกล้ เสียงพูดของอีกฝ่ายพลันชัดเจนขึ้น

“ทั้งสองฝ่ายใจเย็นก่อน ข้าไม่คิดเป็นศัตรูของพวกท่าน”

คนที่พูดคือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชา เจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเคยอยู่ในโลกแปดพิภพมาก่อน

“คนที่เป็นศัตรูกับต้าเสวียนคือสำนักแสงสว่าง แม้ข้าจะอยู่ในสำนักแสงสว่าง แต่ก็เป็นแค่เป็นแผนการชั่วคราวเท่านั้น หลังจากโลกจากโลกเบื้องล่างขึ้นมา ก็อยู่ในอาณาเขตของสำนักแสงสว่างแล้ว ดังนั้นจึงเป็นแขกพักอยู่ที่สำนักแสงสว่างชั่วคราว”

จางเชาน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย “ท่านมีตำแหน่งในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่ธรรมดา คาดว่าคงได้รับข้อมูลหลายอย่าง คนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่เคยเป็นศัตรูกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง และไม่เคยเป็นศัตรูกับคนในสิบกระบี่ผู้วิเศษเช่นพวกท่าน บนมือเองก็ไม่เคยเปื้อนเลือดมาก่อนเช่นกัน”

คนสองคนที่ยืนด้านหน้าจางเชา กลับเป็นคังเม่าเซิงและคังจิ่นหยวนสองพี่น้อง

พวกเขาต่างติดตามคังผิงผู้เป็นบิดา เข้าร่วมสงครามทำลายผาตะวันจันทราอันเป็นที่อยู่ของสำนักแสงสว่าง

ต่อมาภายใต้ความแน่วแน่ของพวกเขา ก็ได้ไล่ตามเข้ามาด้านในพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดบนน่านน้ำของดินแดนสุทธทัศน์พร้อมกับคังผิง

จนกระทั่งเข้ามาในวังก้นทะเล จึงค่อยพลัดหลงกับคังผิง

คนทั้งสองเดินทางอยู่ด้านใน ไม่ได้เจอพวกหลัวจื้อเทา กู้หง กงซุนอู่ แต่กลับพบจางเชาเข้า

คังจิ่นหยวนสีหน้าถมึงทึง ไม่พูดอะไรสักคำเดียว คนเหมือนกับถูกคลุมอยู่ใต้เงาสีดำชั้นหนึ่ง

ลักษณะนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับท่าทางยโสโอหัง ไม่กริ่งเกรงสิ่งใดในอดีตของเขา

หลังจากคังฮูหยินผู้เป็นมารดาประสบเภทภัย เขาก็มีท่าทีเช่นนี้มาโดยตลอด

อารมณ์ต่างๆ เช่น ความโศกเศร้า ความเคียดแค้น ความใจร้อน ความสับสน ต่างผสมผสานกัน

หลังจากเขาใจเย็นลงแล้ว เขาก็ไม่อาจลืมไปได้ว่า เป็นเขาใช้สว่านคำสาปเลือดป่นมิติ มอบโอกาสให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอด้านในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์

ต่อมาทุกอย่างถูกเตรียมพร้อม ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้ หากไม่มีสว่านคำสาปเลือดป่นมิติ แค่หลอดเลือดปีศาจในมือเยี่ยนจ้าวเกอเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้พิธีกรรมปีศาจโลหิต รวมถึงพิธีกรรมปีศาจมายาสำเร็จได้

เป็นเพราะว่าการปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของสว่านคำสาปเลือดป่นมิติชิ้นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอจึงสามารถเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ใช้สภาวะช่วยเหลือได้ จึงค่อยเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในภายหลัง

สุดท้ายก็มอบสถานการณ์ที่พยัคฆ์สองฝ่ายสู้กันต้องตายไปฝ่ายหนึ่ง หรือสถานการณ์ที่ต้องตายทุกฝ่าย ให้กับพวกหลัวจื้อเทาและพวกคังฮูหยิน

ไม่มีคนพูดถึงความผิดนี้ คังผิงผู้เป็นบิดาไม่เคยพูดถึง คังเม่าเซิงพี่น้องที่ตนมองเป็นศัตรูมาโดยตลอดก็ไม่ได้พูดถึงเช่นกัน

แต่ว่าคังจิ่นหยวนไม่อาจลืมเลือนได้

คังเม่าเซิงที่ยืนอยู่ด้านข้างหนักแน่นมั่นคงหมือนก่อนหน้า

แต่ว่าเขาในตอนนี้ ที่จุดลมปราณบนข้อมือมีแสงส่องระยิบระยับ ประสานเสียงกับดวงดาวที่แท้จริงบนท้องฟ้า กลับได้ทำลายนภา เห็นเทวะสำแดง ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นแล้ว

เทียบกับจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน เขายังอ่อนเยาว์ยิ่ง มีศักยภาพไร้สิ้นสุด

คังเม่าเซิงมองจางเชา “ท่านอยากจะกล่าวอะไร กล่าวมาตรงๆ เถอะ”

ถึงแม้ว่าจะมองจางเชาอยู่ แต่ว่าคังเม่าเซิงได้แบ่งความสนใจครึ่งหนึ่งไปอยู่บนสตรีผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างจางเชา

สตรีนางนั้นงดงามเลิศล้ำ ดวงหน้าไร้รอยตำหนิ ลูกตาที่เหมือนกับกวางน้อยทั้งปราดเปรียวและแฝงความฉลาดเจ้าเล่ห์ แต่ก็อ่อนโยนทำให้คนนึกทะนุถนอม

เทียบกับครั้งก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้เจอนางแล้ว นางไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก เพียงแค่มีความสงบนิ่งที่ได้จากการสั่งสมผ่านวันเวลาอันยาวนาน

เป็นเมิ่งหวานนั่นเอง

ตอนนี้นางยืนอยู่ข้างเจาเชาเงียบๆ ด้านข้างคือบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา ลักษณะองอาจ เหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศบูรพา กำลังเคลื่อนที่สู่ท้องฟ้าเหนือศีรษะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี