จ้าวซื่อเฉิงมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “ผังค่ายกลของเจ้า ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่”
ขณะที่เขาพูด เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบผืนผ้าผืนหนึ่งออกมาแล้ว
ผ้าผืนนั้นแม้สัมผัสกับปราณจินตราของเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้ฉีกขาด มีเพียงร่องรอยหลงเหลือไว้ ระหว่างที่เกิดเสียง ‘พึ่บพั่บ’ ผังค่ายกลหนึ่งที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวซื่อเฉิง
ราชาอาณาจักรถังตะวันออกสำรวจดูอย่างละเอียด เปรียบเทียบกับค่ายกลที่ตนเองรู้ในใจ ก่อนจะเกิดความรู้สึกกระจ่างแจ้งทันใด
“วิธีนี้ใช้ได้!” จ้าวซื่อเฉิงกล่าว “แต่การจะสร้างค่ายกลก็ยังต้องดูทรัพยากรก่อนว่าเพียงพอหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอพลันกล่าว “ที่หุบเหววายุวิญญาณมีทรัพยากรสะสมอยู่มาก หากมีที่ไม่พอก็ลองย้ายไปสั่งการจากเมืองใกล้ปราการที่อยู่ใกล้ๆ ได้พะยะค่ะ”
ในหุบเขาวายุวิญญาณอาจจะขาดสิ่งของที่จะใช้ในการสร้างค่ายกลบ้างเป็นธรรมดา
…ต่อให้ไม่ขาดแคลน เมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มคนของถังตะวันออก มันก็จำเป็นจะต้องขาดแคลนเช่นกัน
หากไม่ใช่การเตรียมการเฉพาะกาล นั่นก็บ่งบอกได้ว่ามีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งการเตรียมการนี้จะเป็นเพียงการรับมือเฉพาะกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นหรือ
อย่างไรเสียค่ายกลย้อนกลับนี้ก็สามารถสั่นคลอนค่ายกลชมตะวันขนาดใหญ่ได้
แม้ว่าจ้าวซื่อเฉิงจะไม่ได้คิดอะไร ก็ใช่ว่ายอดฝีมือของอาณาจักรถังตะวันออกคนอื่นๆ จะไม่รู้สึกกังขาในใจ
เมื่อตัดสินใจแล้ว ทุกๆ คนก็มุ่งหน้าเดินทางไปยังหุบเขาวายุวิญญาณอย่างเร่งด่วนใรทันที ตลอดทางก็มีข่าวส่งมารายงานไม่หยุดเช่นกัน
ณ ถังตะวันออก นอกจากเมืองชมตะวันแล้ว ที่อื่นก็ไม่ได้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างชัดเจนแต่อย่างใด ทว่ากิจการของเขากว่างเฉิงที่อยู่ที่ถังตะวันออกต่างก็ประสบกับการคุกคามจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งด้านนอกของหุบเขาวายุวิญญาณก็มีคนล้อมโจมตีเอาไว้แล้ว
กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอกวาดล้างสิ่งกีดขวางออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อสวีชวน ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจได้รับข่าวก็รีบออกมาต้อนรับชายหนุ่มและจ้าวซื่อเฉิงเข้าไปในทันที
ตอนนี้เขารับหน้าที่ปฏิบัติกิจที่หุบเขาวายุวิญญาณโดยเฉพาะ ซึ่งที่นี่เองก็มีความสำคัญกว่าเมื่อก่อนมากนัก กำลังการป้องกันของที่นี่จึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าแต่ก่อนด้วย
“ท่านผู้อาวุโสสวี ตามรายการที่ข้าให้ท่านไป ช่วยเตรียมของเหล่านี้ให้พร้อมอย่างเร่งด่วนด้วย หากขาดอะไร ก็เขียนบอกมานะขอรับ” หลังจากพบหน้ากัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีกะจิตกะใจสนใจเรื่องมารยาทพิธีรีตองต่างๆ
สวีชวนก็เข้าใจได้ถึงลำดับความสำคัญ จึงรีบเร่งรับรายการที่เยี่ยนจ้าวเกอเขียนมา แล้วจัดการตระเตรียมสิ่งของให้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรายงานสิ่งที่ยังขาดกลับไป
“ของเหล่านี้ล้วนมีที่เมืองใกล้ปราการทั้งหมด” สวีชวนพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่รู้ว่าคลังของสำนักเราถูกยึดไปแล้วหรือไม่ แต่ต่อให้ที่สำนักเราไม่มีแล้ว ที่อื่นๆ ของเมืองใกล้ปราการนั้นต้องมีอย่างแน่นอน”
“ไม่ว่าจะเป็นหอเก็บของของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หรือจะเขาไร้พรมแดนก็ไม่ขาดแคลนเป็นแน่!”
เยี่ยนจ้าวเกอรับใบรายการมาจากมือของสวีชวน แล้วหันกลับไปพูดกับอาหู่ว่า “อาหู่ สถานการณ์เร่งด่วน เจ้าไปสักเที่ยวแล้วกัน ระวังตัวด้วย”
จ้าวซื่อเฉิงกับเยี่ยนจ้าวเกอต้องอยู่สร้างคยกลที่นี่ ส่วนคนอื่นๆ ก็มีอาหู่เพียงผู้เดียวที่พลังความสามารถแข็งแกร่งที่สุด
อาหู่ยิ้มอย่างจริงใจครั้งหนึ่ง “คุณชายโปรดวางใจ ข้าไปเพียงครู่เดียวก็กลับแล้วขอรับ”
สิ้นคำพูดเขาก็หันหลังกลับออกไป เมื่อออกจากหุบเขาวายุวิญญาณแล้ว เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองใกล้ปราการอย่างรวดเร็ว
จ้าวซื่อเฉิงมองแผ่นหลังของอาหู่ที่ปลีกออกไป “แม้ว่าเยียนตี๋จะไม่ได้ถ่ายทอดวิชาลับของเขากว่างเฉิงให้เขา แต่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาเทพวายุนิมิตทมิฬ หรือวิชากรงเล็บภูตพยัคฆ์ ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาวรยุทธ์ขั้นสูงสุดทั้งสิ้น”
แววตาของเยี่ยนจ้าวเผยให้เห็นถึงความอ่อนโยน “แท้จริงแล้วในปีนั้นท่านพ่อก็อยากจะรับอาหู่เป็นศิษย์ แต่อาหู่กลับยืนกรานไม่ยอมเสียเอง”
“ดังนั้นท่านพ่อจึงถ่ายทอดยอดวิชาสืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในวายุพิภพที่ล่มสลายไปในอดีต อันเป็นวิชาที่ตนเองเก็บสะสมมาให้กับอาหู่”
แท้จริงแล้วหลายปีมานี้ เยียนตี๋ปฏิบัติกับอาหู่เสมือนศิษย์เสียมากกว่า ส่วนกับเจ้าของร่างเดิมของเยี่ยนจ้าวเกอนั้น อาหู่เป็นทั้งข้ารับใช้และสหายคนสนิท
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงโลกใบนี้ และได้อยู่กับชายร่างกำยำผู้นี้ ส่วนมากก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนอย่างข้ารับใช้ผู้ติดตามเช่นกัน
ระหว่างทั้งสองมักจะหยอกล้อซึ่งกันและกัน ผ่อนคลายสบายใจ
เมื่อเทียบกับบางคนที่แม้แต่หน้าก็ไม่เคยพบ ไม่เคยพูดด้วยแม้สักคำ มีอยู่เพียงในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้ว ความสัมพันธ์ของตนเองและอาหู่ค่อยๆ หนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเหมาะเจาะพอดีกันกับเจ้าของร่างเดิม
หากไม่ใช่เพราะอาหู่ที่ดูเหมือนจะไม่มีสัมมาคารวะ ทว่าแท้จริงแล้วกลับยืนกรานจะรักษากฎระเบียบบางอย่างไว้ล่ะก็ เขาก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสหายคนแรกของเยี่ยนจ้าวเกอหลังจากมาถึงโลกใบนี้เลยก็ว่าได้
ขณะที่พูดคุยกับจ้าวซื่อเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มช่วยเหลืออีกฝ่ายสร้างค่ายกลขึ้นใหม่ในหุบเขาวายุวิญญาณ
ค่ายกลนี้ เมื่อมองเผินๆ ดูคล้ายคลึงกับค่ายกลชมตะวันของอาณาจักรถังตะวันออก
ถึงกระนั้นเมื่อสังเกตอักขระวญญณแต่ละแถวของค่ายกลอย่างละเอียด ก็จะพบว่ามีจำนวนมากที่คล้ายกันแต่ไม่ใช่ อีกทั้งยังตรงกันข้ามกับค่ายกลชมตะวันทั้งหมด
เหมือนเช่นภาพสะท้อนในกระจกอย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี