‘มงกุฎจันทรา ของสิ่งนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกับตราประทับตะวัน…’
มู่จวินทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งส่งกระแสเสียงพูดกับหลินฮั่นหัว “สหายน้อยเยี่ยนผู้นี้เป็นคนที่มีโชควาสนาจริงๆ แสงและปราณวิญญาณที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าเมื่อครู่ ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเหมือนกันกระมัง? ความยอดเยี่ยมของคุณสมบัติ แม้แต่ในเขตตะวันอาคเนย์ก็ยังหายาก”
“ดูเหมือนจะเกิดจากที่พำนักตรงก้นทะเล กลิ่นอายของพลังเหมือนกับหลุมสีดำขมุกขมัวนั่นไม่ผิดเพี้ยน พลังเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน”
มู่จวินกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ประเสริฐยิ่ง ตราประทับตะวัน มงกุฎจันทรา บวกกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่เกิดจากที่พำนักตรงก้นทะเล นอกนั้นจากข่าวที่ศิษย์น้องเฉินส่งมา พวกเขายังกำจัดเสวียนอ๋ององค์ปัจจุบัน นำหอกราชาลี้ลับมาครองได้อีก ยิ่งมีของวิเศษที่เหมือนจะเกี่ยวข้องกับดาบราหูอยู่ด้วยอีกชิ้น”
“พูดกันตามตรงนะศิษย์พี่ใหญ่ ข้าคิดฆ่าคนชิงของแล้ว”
หลินฮั่นหัวกล่าวอย่างราบเรียบ “แต่ละคนย่อมมีวาสนาของตัวเอง ต่อให้อิจฉาก็เอามาไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องอิจฉา”
“ยังไม่พูดถึงหอกราชาลี้ลับและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในที่พำนักก้นทะเล ตราประทับตะวัน มงกุฎจันทรา และดาบราหู ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นไหนก็ไม่ใช่ของธรรมดา จะเป็นโชคหรือเป็นคราเคราะห์ ต้องดูต่อจากนี้”
มู่จวินถูมือพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใครบอกไม่ใช่เล่า? ผู้ที่มีโชควาสนายิ่งใหญ่ มักจะต้องประสบมหาเพทภัยด้วย”
“หากผ่านด่านได้ ย่อมเป็นโชควาสนาอันประเสริฐ ถ้าผ่านภัยพิบัติไม่ได้ก็แค่เสียชีวิต”
หลังจากล้อเล่นเสร็จ มู่จวินก็ถอนใจ “เขากับสำนักของเขา แม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นสะพานเซียนยังไม่มี กลับมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงมากมายขนาดนี้ นี่เกรงว่าจะเป็นขีดจำกัดเท่าที่โลกซ้อนโลกเคยมีมาแล้วกระมัง? หากเทียบคุณสมบัติกันจริงๆ เขาโถงทองของเรายังไม่ร่ำรวยถึงเพียงนี้เลย”
หลินฮั่นหัวได้ยินก็อดยิ้มขึ้นไม่ได้
มู่จวินว่า “ชาวบ้านไร้ความผิด ครอบครองหยกจึงมีความผิด คนผู้นี้มีของวิเศษมากมายถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะถูกคนหมายหัวได้ง่ายๆ พวกเราแม้จะไม่เอา ก็ยากจะรับรองว่าคนอื่นจะไม่ต้องการ”
หลินฮั่นหัวกล่าวว่า “การได้กระดูกหงส์เพลิงที่แฝงจิตจริงแท้ของเมฆาคุณธรรมมา เขาถือว่าได้ช่วยพวกเราแล้ว ยามปกติข้าย่อมคุ้มครองเขา แต่ว่าก็ไม่อาจอยู่ข้างตัวเขาตลอดเวลา ยิ่งกว่านั้นยังขึ้นอยู่กับตัวเขาอีกด้วย”
มู่จวินก้มหน้ามองน่านน้ำด้านล่าง “พวกคังผิงจะทำอย่างไร?”
“ดูจากตอนนี้ ตายย่อมไม่ตายแล้ว หลุมสีดำขมุกขมัวนั้นถูกหยุดไว้ ไม่อาจพังทลายอย่างรุนแรงได้อีก แต่จะค่อยๆ ถล่มอย่างต่อเนื่อง”
“อีกหลายปี หลังจากหลุมสีดำขมุกขมัวค่อยๆ ถูกเวลาเคี่ยวกรำทีละน้อย พวกเขาถึงจะออกมาได้อย่างปลอดภัย”
“และไม่จำเป็นต้องห่วงว่าเยี่ยนจ้าวเกอหรือพวกกู้หงจะลงไปสังหาร เพราะความสมดุลของด้านล่างอ่อนแอยิ่ง”
“ก่อนที่หลุมสีดำขมุกขมัวจะหายไปโดยสมบูรณ์ หากสมดุลถูกทำลาย หลุมดำจะถล่ม ต่อให้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีจิตพลังมาจากแหล่งเดียวกับหลุมดำชิ้นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ต้องสูญสิ้นไปพร้อมกับหลุมดำ เขาคงไม่โง่เขลาขนาดนั้น”
มู่จวินพูดพร้อมกับมองหลินฮั่นหัว “กลับไม่ทราบว่าจะมีอุบัติเหตุอื่นหรือไม่? พวกเราควรจะช่วยหรือไม่? พวกคังผิงถ้าตายลงที่นี่ เขาโถงทองของเราจะถือว่าผิดคำสัญญาหรือไม่? ถึงเวลาต่อให้ท่านประมุขพบกับคนผู้นั้นก็ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้”
หลินฮั่นหัวเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ท่านอาจารย์เพียงอนุญาตให้เขาเคลื่อนไหวในทะเลหวงเจียเท่านั้น ต่อให้ไม่ก้าวก่าย พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ จะปลอดภัยหรือไม่ พวกเราเขาโถงทองไม่เคยรับประกัน”
“ครั้งนี้เป็นเพราะความแค้นส่วนตัวของพวกเขา ไล่ตามคนของสำนักแสงสว่างมาที่นี่ จึงไปติดอยู่ในหลุมดำ เหตุใดต้องให้พวกเรารับผิดชอบ? คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาถ้าไม่พอใจ ก็ให้พวกเขาไปแก้ตัวเอง พวกเราไม่ได้มีหน้าที่ช่วยเหลือ”
หลินฮั่นหัวสายตาเย็นชา “เรียกลมเรียกฝนในเขตตะวันอาคเนย์มานานแล้ว วันนี้ให้ตัวเองได้พักสักสองสามปี ข้าเห็นดีด้วย”
มู่จวินพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ถูกต้อง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเบื้องล่าง พวกคังผิงร่วมมือกันกางข่ายกระบี่ข่ายหนึ่ง ยื้อยันกับหลุมสีดำขมุกขมัว อดส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มไม่ได้
กระบี่ปีศาจเทาเที่ยที่เขาถือครอง หรือพ่านพ่านที่กินหัวใจของเทาเที่ยไปแล้ว ได้แต่ฝืนต้านทานพลังแห่งการกลืนกินของหลุมสีดำขมุกขมัวเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี