“ส่วนใหญ่เป็นการชื่นชมคุณชายท่าน” อาหู่พูดพร้อมหัวเราะเหอะๆ “คนหนุ่มผู้มีความสามารถ พรสวรรค์เลิศล้ำ เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มาพร้อมกับพลังแข็งแกร่ง สังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันไปมากมาย ถึงขั้นข้ามระดับสังหารยอดฝีมือที่มีระดับสูงกว่า”
“พลิกฟ้าพลิกดินบนทะเลหวงเจีย ราชวงศ์ต้าเซียนอ๋องที่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนจำนวนมากไม่อาจทำอะไรท่านได้ กลับถูกคุณชายท่านเล่นงานจนหน้าคลุกฝุ่น”
“ยังไม่อยู่ในขั้นเทวะสำแดง กลับครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง อีกทั้งยังกระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงนี้ได้”
“นอกจากนี้ยังได้รับความสำคัญและคำชมจากประมุขอาคเนย์ สนิทสนมกับราชากระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัว”
อาหู่นับนิ้วเอ่ยว่า “มีการคาดเดาถึงความเป็นมาของท่านมากมาย บ้างว่าท่านกำเนิดจากข้างทางในโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง บ้างว่าจริงๆ แล้วท่านเป็นลูกศิษย์ของราชันพระอาทิตย์ หนึ่งในเก้านพเคราะห์ในตำนาน จึงสามารถครองครองตราประทับตะวันได้”
“ยังมีคนบอกว่าความจริงแล้วท่านเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ ปัจจุบันในที่สุดก็ออกผจญภัย”
“สรุปคือผู้คนวิจารณ์ไปต่างๆ นาๆ ต่างคนต่างยึดมั่นความเห็นของตัวเอง ไม่มีใครโน้มน้าวใครได้”
อาหู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ชื่อเสียงในตอนนี้ของคุณชายท่าน ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ทะเลหวงเจียอีกแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอรับฟังอย่างออกรส ยิ้มกว้างพลางลูบคางของตัวเอง “อืม ไม่เลวๆ”
เขาหันไปพูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงว่า “อวิ๋นเซิง คราวนี้สมควรนำสมบัติล้ำค่าออกมาจึงจะถูก”
ขณะมองท่าทางได้ใจของเขา เฟิงอวิ๋นเซิงก็อดหัวเราะไม่ได้ “เหมือนกับเด็กโข่งอย่างไรอย่างนั้น”
นางส่ายหน้า เข้าไปในวังฝูงมังกร
ส่วนลึกของวังฝูงมังกร วางไว้ด้วยกรงขนาดยักษ์ ด้านในมีอสูรยักษ์ตัวหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกายกระหายเลือด กลิ่นอายดุร้ายยิ่ง
อสูรร้ายตัวนี้เหมือนกวาง ทว่าไม่ใช่กวาง เหมือนหมาป่า ทว่าก็ไม่ใช่หมาป่า ด้านหลังมีหางขนาดใหญ่ที่เหมือนกับงูเหลือมอยู่ด้วย
กลับเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอได้เจอโดยบังเอิญในตอนที่เดินทางอยู่ในสถานที่อื่นบนเขตตะวันอาคเนย์ ชื่อว่าเม่าเหลียง
มันมีนิสัยดุร้ายยิ่ง กินคนเป็นอาหาร เป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมตัวหนนึ่ง
เม่าเหลียงที่ถูกจับไว้ตัวนี้มีความแข็งแกร่งของกายเนื้อและพลังไม่ด้อยกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เลย
ทว่าเมื่อถูกขังอยู่ในกรง สภาวะของเม่าเหลียงตัวนี้ก็เสื่อมสลายไปมาก
ครั้นมองเห็นเฟิงอวิ๋นเซิงเข้ามา ร่างของมันก็สั่นเทาเล็กน้อย
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่มองมัน มุ่งหน้าไปที่ด้านข้างกรง ตรงนั้นมีก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์อยู่ด้วย
ด้านในก้อนน้ำแข็งมีอะไรบางอย่างที่เป็นสีขาวถูกแช่เอาไว้ เหมือนกับเศษกระดูกก้อนเล็กๆ หลายชิ้น
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงแก้ผนึกก่อนหนึ่งอย่างระมัดระวัง นางก็เอาเศษกระดูกออกมา
ในตอนที่มองการเคลื่อนไหวของนาง หางของตัวเม่าเหลียงก็หดสั้นโดยสัญชาตญาณ
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงนำเศษกระดูกออกมาเสร็จ หญิงสาวถึงเดินออกจากวังฝูงมังกร บดกระดูกให้เป็นเศษที่เล็กกว่าเดิม จากนั้นก็นำส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งโยนเข้าไปในหม้อ
แทบจะเป็นในชั่วพริบตาเดียว กลิ่นหอมในหม้อเข้มข้นยิ่งขึ้น ทำให้ทุกคนที่รับประทานจนเกือบอิ่มแล้วน้ำลายสอ
กระดูกที่เหลือ เฟิงอวิ๋นเซิงใช้ไม้เสียบเอาไว้ จากนั้นก็ก่อกองไฟอีกกอง แล้วย่างมีนไว้ด้านบน
ตัวเม่าเหลียงที่ซุ่มโจมตีพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนแรก แท้จริงแล้วพวกมันมีทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งถูกเยี่ยนจ้าวเกอเชือดทิ้งคาที่ อีกตัวหนึ่งถูกจับมาขังไว้
ตรงข้อกระดูกบนร่างของตัวเม่าเหลียงมีกระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆ อยู่จำนวนหนึ่ง หากนำมาปรุง จะให้รสชาติดีที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอรับกระดูกเสียบไม้ที่ย่างเสร็จแล้วมากัดกระดูกอ่อนชิ้นหนึ่ง จุ๊ปากชมเชย “ตั้งแต่เดินทางมา สิ่งนี้อร่อยที่สุด”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่รังเกียจที่ฝีมือการปรุงของข้าหยาบไปบ้างก็ประเสริฐ”
นางรักการกินและตะกละ แต่ว่าเป็นเพราะเคยออกผจญภัยคนเดียวในตอนอายุยังน้อย เวลาที่ตนทำกับข้าว จึงมักจะใช้วิธีการที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “รสชาติดีก็ใช้ได้แล้ว สนใจวิธีไปไย”
หญิงสาวหยิบกระดูกเสียบไม้มารับประทานด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงใจ “อาหารยิ่งประณีตยิ่งดี เนื้อยิ่งเล็กยิ่งอร่อย รอมีเวลาว่าง ข้าจะค่อยๆ ศึกษาพร้อมไปเรียนกับผู้เชี่ยวชาญ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี