ฟู่ถิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเฉื่อยชา “ถ้าหากว่าใต้เท้าสามารถไล่พวกเรา และผู้อาวุโสในสำนักที่ตามมาทีหลังให้ออกไปจากที่นี่ได้ เช่นนั้นก็เป็นความสามารถของใต้เท้า แต่ถ้าหากว่าสู้ไม่ได้ แล้วส่งข้อความออกไปหาความช่วยเหลือ พวกเราย่อมขอความช่วยเหลือจากเขาอัศจรรย์อีกครั้งเช่นกัน”
“หากใต้เท้ามีความสามารถสังหารพวกเราจดหมดสิ้น เช่นนั้นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าท่านมีความสามารถนี้หรือไม่”
ด้วยสถานะของนางและพลังของจักรพรรดิแพรผู้เป็นบิดาที่อยู่เบื้องหลัง ถ้อยคำของฟู่ถิงยังไม่นับว่าแข็งกร้าวเกินไป
ทว่าน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยแรงกดดัน เหมือนกับเพลิงเผาสวรรค์ “ถ้าหากว่าใต้เท้าคิดใช้ความแตกต่างด้านเวลารีบฆ่าพวกเราทิ้ง ชิงของวิเศษแล้วรีบออกไป เกรงว่าจะไม่ได้ตามความต้องการ”
“ตอนที่ข้าเข้ามา ก็ได้แจ้งสำนักในทันที จนถึงตอนนี้ คนที่มาจากสำนักน่าจะมาถึงแล้ว”
“และในตอนที่ทุกท่านเพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่หอคอยวิเศษนี้ ข้าคิดว่าผู้อาวุโสในสำนักได้มาถึงแล้วจริงๆ”
ฟู่ถิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะประมือ แพ้ชนะยังไม่อาจทราบ และถึงท่านจะมีตราประทับตะวันอยู่ในมือ แต่ท่านก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน อานุภาพของมันย่อมมีจำกัด”
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะของฟู่ถิงโดยสิ้นเชิง
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ยี่หระว่า “ต้นกำเนิดและความสัมพันธ์ของจักรพรรดิแพรกับประมุขอาคเนย์ ข้าเองก็เคยได้ยินมา”
“เป็นดังที่แม่นางฟู่ว่า ระหว่างข้ากับท่านไม่มีความแค้น ไม่มีความจำเป็นต้องประมือกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ทว่าถึงจะไม่มีความจำเป็นต้องประมือ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประมือกันไม่ได้”
ชายหนุ่มไพล่สองมือไว้ด้านหลัง กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป คนที่ข้าคิดแลกเปลี่ยนกระบวนท่าด้วย อาจจะมีแค่แม่นางฟู่ท่านคนเดียวแล้ว”
จอมยุทธ์จากยอดเขาอัศจรรย์ที่อยู่ตรงข้ามได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอแม้ฟังดูให้เกียรติฟู่ถิง ทว่าฟู่ถิงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ส่วนเขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางเท่านั้น
ฟู่ถิงเอ่ย “อ้อ? เช่นนั้นข้าขอรับการชี้แนะแล้ว”
แม้จะทราบดีว่าเยี่ยนจ้าวเกออาจมีตราประทับตะวันอยู่กับตัว นางก็ยังคงเยือกเย็น
ด้วยชาติกำเนิดของนาง ย่อมไม่ขาดแคลนพลังฝึกปรือและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง นอกจากนั้นยังไม่น่าจะมีต่ำกว่าหนึ่งชิ้นด้วย
หากนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงให้กับนาง พลังฝึกปรือของนางใช่ว่าจะสามารถกระตุ้นได้ แต่ถึงแม้จะไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ก็สมควรมีของวิเศษชิ้นอื่นอยู่ด้วย
“แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเบาๆ
จอมยุทธ์เขาอัศจรรย์ได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันฉายแววรังเกียจอย่างชัดเจน
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นแววตานั้น เขากล่าวเรียบๆ ว่า “ที่ไม่อยากประมือในตอนนี้ เป็นเพราะข้าไม่อยากให้คนอื่นฉวยโอกาส เหมือนชาวประมงที่ได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของนกกระยางและหอยมุ่ง ดังเช่นคำพูดก่อนหน้า พวกเราสู้กันแค่เพราะต้องการ เพราะความห้าวหาญ ไม่ใช่เพราะความแค้นที่จำเป็นต้องสู้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คิดแลกเปลี่ยนกระบวนท่า ค่อยไว้เวลาอื่นและในสถานที่อื่น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจจะมีฝ่ายที่สามเข้าร่วมได้ตลอดเวลาเช่นนี้”
ชายหนุ่มเอ่ยอีกว่า “ถ้าหากแม่นางฟู่คิดลงมือ ข้าย่อมสนอง กระนั้นในเมื่อแม่นางฟู่ไม่ได้ต้องการประเมินความสามารถของข้า เช่นนั้นก็ใจตรงกันกับข้าพอดี”
ฟู่ถิงตาเป็นประกาย “ฝ่ายที่สาม?”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ กลับถามอีกว่า “ข้ากับสหายร่วมสำนักมาถึงมิติต่างแดนแห่งนี้จากที่แห่งหนึ่งในเขตตะวันอาคเนย์ ผ่านทางเชื่อมเขตแดน กลับไม่ทราบว่าแม่นางฟู่กับสหายในสำนักมาจากทางไหน”
อีกฝ่ายเอ่ยอย่างเชื่องช้า “พวกข้าผ่านประตูบนเขตราตรีอุดรมา มิติต่างแดนแห่งนี้มีประตูทางเข้าที่ไม่เหมือนกัน พอเห็นพวกใต้เท้า ข้าก็ทราบถึงเรื่องนี้แล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้า กล่าวต่อว่า “มิติต่างแดนแห่งนี้แบ่งเป็นหลายชั้น ประตูทางเข้าแต่ละบานน่าจะเชื่อมไปยังชั้นที่แตกต่างกัน ขอไม่ปิดบัง ชั้นที่พวกเราอยู่ในตอนนี้เป็น ‘ชั้นที่สี่’ ของพวกข้า ทว่าสำหรับพวกแม่นางฟู่แล้ว สมควรเป็น ‘ชั้นที่สอง’ กระมัง”
ฟู่ถิงขมวดคิ้ว “ท่านกำลังจะบอกว่า มีคนแซงพวกเราไปถึงชั้นที่สูงกว่าแล้วหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ก็ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้นี้ เพียงแต่…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี