ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 830

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ปล่อยให้ตัวเองอดจริงๆ

หากจะพูดให้ถูกต้อง โอสถที่เขาเตรียมไว้กินในตอนนี้ มีมากกว่าของพวกเฟิงอวิ๋นเซิงรวมกันเสียอีก

เพราะเขามีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่า หลังจากรับประทานโอสถเซียนและยาวิเศษลงไปแล้ว จะสามารถหลอมพลังของโอสถได้มากกว่า

ขณะที่นับคำนวณโอสถที่อยู่ในมือ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยื่นมือออกมากดลงบนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ

ญาณจริงแท้ในร่างของเขาพลันพรั่งพรู ราวกับความโกลาหล รากฐานที่เกิดจากคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเริ่มแสดงความสามารถออกมา

เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่สงบนิ่งในตอนแรก ยามนี้เหมือนกับเงียบงันยิ่งกว่าเดิม

หากมองภายนอกจะดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทว่าในตอนที่สติของเยี่ยนจ้าวเกอล่องลอย เขาคล้ายกับเห็นด้ายเส้นหนึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เชื่อมต่อกับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ

ตอนนี้รอบๆ เตาวิเศษมีเมฆหมอกเลือนรางชั้นหนึ่งปรากฏ ไม่ได้ตัดขาดเส้นด้ายเส้นนั้น แต่อำพรางเตาวิเศษไว้

ถ้าหากว่ามีคนคิดตามหาเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับผ่านตำหนักโอสถ แน่นอนว่าได้แต่ต้องกลับไปพร้อมความผิดหวัง

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างเตาวิเศษกับตำหนักโอสถโดยสิ้นเชิง เพราะต้องการทิ้งเบาะแสเอาไว้เพื่อวันหน้าจะได้ตามหาตำหนักโอสถเจอ

เขาชักมือกลับมา ก่อนจะออกจากประตูวังฝูงมังกร ไปอยู่บนศีรษะของพ่านพ่าน

พ่านพ่านแบกวังฝูงมังกรพร้อมกับเหาะอยู่กลางอากาศ

โลกใบนี้ไม่ได้วังเวง ขณะที่เดินทางก็ผ่านหมู่บ้านจำนวนไม่น้อย

ทว่าเพื่อทำความเข้าใจกับสภาพของโลกใบนี้ให้เร็วที่สุด เยี่ยนจ้าวเกอจึงวางเป้าหมายไว้ที่สถานที่ใหญ่ๆ ของที่นี่

ไม่ทันไร ป้อมปราการขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า

ทว่าหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขากลับหยุดพ่านพ่านไว้ ไม่ให้มันพาเข้าไปใกล้

เขานิ่วหน้ามองป้อมปรากการแห่งนั้น เงียบงันอยู่เนิ่นนาน

ที่นั่นมีประชากรหนาแน่น เสียงคนดังเซงแซ่ ไม่ใช่เมืองร้าง กระนั้นยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งกกว่าเดิม

เพราะว่าด้านบนป้อมมีรัศมีแสงจางๆ คลุมอยู่ชั้นหนึ่ง!

จิตที่สงบนิ่งเป็นธรรมชาติและเป็นอนิจจังไหลออกมา เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นได้ยินบทสวดที่เหล่านักบวชขับขาน ดังขึ้นไม่ขาดหูทั้งๆ ที่ตัวเขาอยู่ห่างไกลทีเดียว

นั่นไม่ใช่เพราะด้านในป้อมปราการมีคนมากมายกำลังสวดมนต์เสียงดัง แต่ป็นการจับตัวกันของแรงศรัทธาจากผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนาด้านในเมือง เปลี่ยนจากปลอมเป็นจริง ส่งผลรบกวนโลก

“นี่…” เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจอย่างแท้จริง คิดไม่ถึงว่าโลกที่ตัวเองมาถึงโดยไม่ได้ตั้งใจ จะเป็นโลกที่ศาสนาพุทธรุ่งเรือง

ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอยังเคยสงสัยอยู่ว่า เหตุใดจึงไม่เคยเห็นการสืบทอดหรือผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเลย

ถึงอย่างไรก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ศาสนาพุทธ์มีความยิ่งใหญ่มากกว่าสำนักเต๋าด้วยซ้ำ

หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ สำนักเต๋าเหลืออยู่น้อยนิด ศาสนาพุทธกลับหายไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่พระไตรปิฎกหรือโบราณสถานก็หาไม่พบ ไม่ว่าจะมองอยางไรก็ไม่ปกติ

ไม่ว่าจะเป็นโลกเบื้องล่าง เช่น โลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกยมทะยาน หรือจะเป็นโลกซ้อนโลก ก็มีซากโบราณสถานของบรรพบุรุษก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่ไม่น้อย

การสืบทอดวรยุทธ์ที่เริ่มต้นใหม่ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการขุดซากโบราณสถานของคนรุ่นก่อน เริ่มต้นบนพื้นฐานนี้

ไม่มีเหตุผลที่สำนักเต๋าจะมีคนรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ แต่ศาสนาพุทธิกลับพินาศโดยสิ้นเชิง แม้แต่ร่องรอยน้อยนิดก็ไม่มีเหลือ

นอกเสียจากว่าวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตอนนั้นจะเจาะจงกับศาสนาพุทธ เป็นการทำลายศาสนาพุทธโดยสมบูรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ทว่าในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ วังเทพกลับเป็นที่ที่พบเจอภัยพิบัติก่อน

ถึงขั้นที่มือยักษ์ร่วงหล่นจากฟ้า อันเป็นภาพสุดท้ายในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่านั่นเป็นฝีมือของศาสนาพุทธก็ไม่ปาน

เขาเองยังเคยสงสัยว่าเป็นศาสนาพุทธลงมือก่อน สำนักเต๋าจึงลงมือโต้ตอบ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บอย่างหนัก สำนักเต๋าเหลืออยู่น้อยนิด ส่วนศาสนาพุทธพินาศ

กระนั้นเมื่อเห็นโลกใบนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ว่าไม่ได้เกิดเรื่องเช่นนั้น

‘เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระศรีอาริย์…’ เยี่ยนจ้าวเกอมองป้อมปราการที่อยู่ห่างออกไป พลางกล่าวในใจ

รัศมีแสงที่โชติช่วงนั้น คือการรวมตัวกันของแรงศรัทธาจากเหล่าสาวก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี