ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 831

หลังจากไปสถานที่ต่างๆ มาไม่น้อย ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ค้นหาทั้งในที่แจ้งและที่ลับ เยี่ยนจ้าวเกอก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง

ด้านในโลกที่ชื่อแดนขวางกั้นใบนี้ ไม่มีร่องรอยการสืบทอดของสำนักเต๋า

คนทั่วไปแม้แต่บรมครูสามพิสุทธิ์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

มีคนที่มีความรู้กว้างขวาง มีความจำเป็นเลิศ เก็บคัมภีร์ไว้ในบ้านมากมายจำนวนหนึ่ง เคยอ่านเจอบันทึกน้อยนิดที่กล่าวถึงสำนักเต๋า แต่ยังนับเป็นประวัติศาสตร์ไม่เป็นทางการไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นเหมือนกับเรื่องราวในเรื่องเล่าปรัมปรา

ในประวัติศาสตร์หลายพันปีมานี้ ไม่มีร่องรอยของสำนักเต๋าเหลือแล้ว

ความจริงที่นี่ก็มีบันทึกเรื่องวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไว้เช่นกัน แต่ว่าในบันทึกกล่าวว่า พระศรีอาริย์ได้ใช้บารมีไร้เทียมทานปกป้องโลกจำนวนมาก คุ้มครองเหล่าสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่อาจจะทำให้ทุกอย่างพินาศนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

นี่กลายเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ที่ทำให้เหล่าสาวกนับถือพระศรีอาริย์มากกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณของแดนขวางกั้น เขาพบว่าที่นี่เหมือนกับมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จริงๆ เพียงแต่ว่าอ่อนแอลงมาก

แม้ผลกระทบที่วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตนำมาจะค่อนข้างมีจำกัด ทำให้ผู้คนที่นี่รักษาวัฒนธรรมและการสืบทอดของต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ แต่เห็นได้ชัดว่าถูกคนเข้ามายุ่งเกี่ยว

ถึงจะไม่มีตำนานเกี่ยวกับสำนักเต๋าเหลืออยู่ ทว่าคัมภีร์และซากโบราณสถานทั้งหมดถูกคนลบทิ้งไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกออดเกิดความคิดหนึ่งต่อแดนขวางกั้นไม่ได้

แล้วทางโลกซ้อนโลก โลกแปดพิภพ และโลกผืนสมุทร จะเจอการลบทิ้งที่คล้ายกันด้วยหรือไม่

เแต่เป็นไปในทางตรงกันข้ามกันมากกว่า คือโลกเหล่านั้นลบร่องรอยของศาสนาพุทธทิ้ง

นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจ

แดนขวางกั้นมีพื้นที่ไม่มากนัก เทียบได้กับโลกแปดพิภพ แต่ว่าที่นี่กลับบรรจุจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไปให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ ‘เป็นเพราะว่าการรบกวนมิติของตัวตนที่พิเศษอย่างตำหนักโอสถและเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ อีกทั้งยังถูกข้าแทรกแซง บางทีข้าอาจจะทำลาย ‘กำแพง’ ที่ในสถานการณ์ปกติไม่อาจทำลายทิ้งไปแล้วก็ได้’

ด้านหนึ่งของ ‘กำแพง’ คือสำนักเต๋า ที่นั่นมีโลกซ้อนโลกที่สูงส่ง ส่วน ‘ด้านล่าง’ มีโลกมากมายอย่างเช่นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกลอยน้ำ โลกยมทะยาน โลกปีศาจอัคคี

พลังเขตแดนของฟ้าดินโลกเบื้องล่างที่อยู่ที่นี่มีความพิเศษ ไม่อาจรองรับจอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงได้

จอมยุทธ์เมื่อฝึกฝนถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ จะลอยไปยังโลกซ้อนโลกโดยตรง

วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่แทบจะทำฟ้าดินของที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลง เรื่องราวมากมายต้องเริ่มขึ้นใหม่

สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ โลกเบื้องล่างจำนวนมากอาจจะเกิดขึ้นทันทีหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

โลกซ้อนโลกอาจจะถือกำเนิดขึ้นช้ากว่า

อีกด้านหนึ่งของ ‘กำแพง’ คือศาสนาพุทธ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรม เห็นแค่เพียงแดนขวางกั้นตรงหน้านี้เท่านั้น

ที่นี่เองก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะสาเหตุบางอย่างจึงได้รับผลกระทบไม่มาก

บางทีอาจจะเป็นผลงานของพระศรีอาริย์จริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้

ในขณะเดียวกันโลกใบนี้กลับสามารถบรรจุจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ ‘เรื่องที่รู้มีน้อยเกินไป ถ้าหากได้พบกับยอดฝีมือระดับสุดยอดในด้านวรยุทธ์ของศาสนาพุทธที่นี่ อาจจะรู้เรื่องขึ้นมากกว่านี้ก็เป็นได้ บางทีข้าควรไปโลกอื่นๆ ด้วย ไม่สามารถตัดสินได้แค่จากแดนขวางกั้น ไม่อาจตัดสินได้’

เรื่อง ‘กำแพง’ เป็นแค่การคาดเดาของตนเท่านั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดถูกแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอกอดอก มองแดนขวางกั้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ ในใจเกิดความคิดมากมาย

ซุนจ้งต๋ามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็เข้าใจ หัวเราะออกมา “จริงด้วย โลกซ้อนโลกของพวกท่านไม่เคยพูดถึงความลับเหล่านี้”

ชายหนุ่มจับจ้องซุนจ้งต๋าอย่างเฉื่อยชา มองจนอีกฝ่ายรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง

เขากระแอมคำหนึ่ง “ข้าไม่เคยเจอ แต่เคยได้ยินมาว่า พระศรีอาริย์ยังคงอยู่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อีกทั้งยังสร้างพุทธเกษตรขึ้นมามากมาย

“แต่ว่าความสามารถของพระองค์…” ซุนจ้งต๋าเบะปาก “หากใช้คำพูดของกษัตริย์ลี้ลับก็คือ เป็นพุทธปลอม!”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาแวบหนึ่ง พระศรีอาริย์ยังอยู่จริงๆ อีกทั้งยังกล้าพูดขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่แค่กล้าหาญชาญชัยธรรมดา

ห่างจากศีรษะสามฉื่อมีเทพสถิตอยู่ ในโลกใบนี้จึงไม่ใช่คำพูดหลอกลวง

แม้ว่าจะดูปลิ้นปล้อนกว่าจอมยุทธ์ที่ฝึกกระบี่คนอื่น ทว่าความดุร้ายและความทะนงตนของผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์สามารถเห็นได้จากซุนจ้งต๋านี่เอง

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “บุคคลที่วิจารณ์คำสอนของพระศรีอาริย์เป็นคนแรกไม่ใช่กษัตริย์ลี้ลับของสำนักท่าน แต่เป็นจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว หนึ่งในสี่เทวราชก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

ซุนจ้งต๋างงงัน “ท่านทราบด้วยหรือ”

“เล่าต่อเถอะ บอกเรื่องที่ท่านรู้มาให้ข้าฟัง” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย

ซุนจ้งต๋ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ความจริงสิ่งที่ข้ารู้ก็มีจำกัดเช่นกัน เป็นเพราะว่าไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง”

“ท่านอาจารย์เคยบอกข้าว่าขอบเขตการเคลื่อนไหวของจอมยุทธ์ระดับข้า น่าจะไม่เจอคนที่อยู่ในสถานพุทธปลอม”

“แต่ถ้าเกิดเจอเข้าแล้วไม่หนีทันที ก็ต้องลงมือสังหาร ถ้าหากว่าฆ่าอีกฝ่ายไปแล้ว ให้รีบกลับมรกตท่องฟ้าโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยอดฝีมือของอีกฝ่ายจะทราบถึงการกระทำของข้าในระยะเวลาอันสั้น และมาถึงตัวข้าในพริบตาเดียว”

ซุนจ้งต๋าสีหน้ากลายเป็นจริงจังและแน่วแน่ “ข้าไม่ทราบถึงรายละเอียด แต่ดูเหมือนที่สำนักเต๋าของเราเปลี่ยนจากรุ่งเรืองเป็นเสื่อมโทรมเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต ก็เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธนี่เอง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี