เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อเห็นพวกเกาฉิงแล้ว เขาก็เดาได้ว่าก่อนหน้านี้พวกนางคงสืบเสาะเบาะแสในแดนขวางกั้น เพื่อค้นหาเส้นทางกลับมรกตท่องฟ้าเช่นกัน
พวกเกาฉิงคงจะพบปัญหาในการหมุนเวียนปราณวิญญาณ จึงมายังเขาเบญจคีรี
แต่เห็นได้ชัดว่า พวกนางเจอจอมยุทธ์ของศาสนาพุทธอีกกลุ่มหนึ่งก่อนเยี่ยนจ้าวเกอ
พวกเขาเป็นบรรพชิตกลุ่มหนึ่ง ล้วนมีท่าทางน่าเกรงขาม รัศมีแสงปกคลุมร่าง ปรากฏจิตจริงแท้อันสงบนิ่ง
จอมยุทธ์ศาสนาพุทธเหล่านี้ลงมือไม่อำมหิตอะไรนัก ทว่าแน่วแน่และรุนแรง เหมือนกับเทวราชที่ถลึงตาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เยี่ยนจ้าวเกอกวาดสายตามองคร่าวๆ ก่อนจะพบว่าจอมยุทธ์ศาสนาพุทธเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
วรยุทธ์ศาสนาพุทธกับวรยุทธ์สำนักเต๋าแบ่งระดับชั้นแตกต่างกัน ในอดีตพระศากยมุณีที่ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ได้เดินไปเส้นทางอีกเส้นทาง จากพื้นฐานมรรคาวรยุทธ์ที่เทวกษัตริย์เต๋าสายเอกพิสุทธิ์ได้บุกเบิกไว้ให้กับผู้คน
แต่ทั้งสองฝ่ายที่เทียบกับแล้วเหมือนทางคู่ขนาน ก็ยังคงมีจุดร่วมอยู่
หลายปีมานี้จอมยุทธ์ศาสนาพุทธก็ได้แบ่งระดับชั้นของตัวเอง เพื่อวัดระดับจอมยุทธ์ศาสนาพุทธเช่นกัน
เพียงแต่ว่าในปัจจุบัน หลังจากเทียบกับเวลาที่พระศากยมุณีทรงประทับอยู่ที่แดนอภิรดีในช่วงตำนานไซอิ๋วแล้ว ก็มีการแบ่งแยกขนานใหญ่
ส่วนได้ส่วนเสียในนี้ รอเพียงเวลามาทดสอบ
ในตอนนี้ รากฐานที่จอมยุทธ์ศาสนาพุทธฝึกฝนยังคงเป็นรัศมีแสงในกาย
รัศมีแสงนี้ช่วยให้พวกเขาเพิ่มระดับพลังขึ้น และมีพลังมากขึ้นง่ายกว่าลูกศิษย์สำนักเต๋า
ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์สูงส่ง ไม่ต้องมีปัญญาที่ฉลาดเฉลียว ขอแค่มีใจศรัทธาในพุทธศาสนา มีความเชื่อมั่นที่แน่วแน่ พลังฝึกปรือก็ล้วนพุ่งทะยานได้
ธรณีประตูต่ำ เห็นผลรวดเร็ว
กระนั้น ถ้าพลังฝึกปรือที่อยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาจะมีระดับเฉลี่ยต่ำกว่าจอมยุทธ์สำนักเต๋า
เพราะว่าความเข้าใจที่พวกเขาควรจะมีต่อวรยุทธ์ในระดับปัจจุบัน กับการศึกษาหลักการของฟ้าดินนั้นไม่ถ่องแท้พอ
เพียงรู้ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ไม่ทราบเหตุผล
แต่แม้ว่าจอมยุทธ์ศาสนาพุทธจะมีระดับเฉลี่ยของพลังอ่อนแอกว่าสำนักเต๋าเมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน แต่ก็มีปัญหาหนึ่งที่ไม่อาจมองข้าม
นั่นก็คือจอมยุทธ์ศาสนาพุทธ เลื่อนไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าเดิมได้ง่ายกว่า
ด้วยเหตุนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาก็คือ หากอยู่ในระดับเดียวกัน จอมยุทธ์ศาสนาพุทธ์มักจะมีความได้เปรียบด้านจำนวนคน
สถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
พวกเกาฉิงซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์มีพลังฝึกปรือโดดเด่นแท้ๆ ทว่าในตอนนี้กลับถูกจอมยุทธ์ศาสนาพุทธที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขารุมล้อม
ในจำนวนนี้ยังมียอดฝีมือที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงของสำนักเต๋าไม่ต่ำกว่าสองคน
เยี่ยนจ้าวเกอก็เผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน
แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เรียกหีบกระบี่กลืนฟ้ากลืนดินออกมาอย่างง่ายๆ พลังกลืนกินที่น่าพรั่นพรึงพลันขัดขวางการโจมตีของศัตรูจำนวนมากเอาไว้
“บรรพชิตทุกท่าน การบำเพ็ญของผู้เป็นนักบวชเล่า” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียงคำหนึ่ง “ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะมีโทสะเช่นกัน แต่ใจร้อนเกินไปหน่อยกระมัง”
บรรพชิตที่เป็นผู้นำเปล่งคำสรรเสริญพระคุณ จากนั้นก็กล่าวว่า “ประสกกล่าวผิดแล้ว ประสกในเมื่อปรากฏตัวที่นี่ ก็อธิบายถึงทุกสิ่ง พวกอาตมามีเพียงแต่ต้องแผ่ส่วนบุญให้กับประสก ถึงจะช่วยให้ประสกหลุดพ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ทนได้”
“หา?” เยี่ยนจ้าวเกอไม่เข้าใจความหมายของบรรพชิตรูปนี้อยู่ชั่วขณะ “ท่านรู้จักข้าหรือ”
บรรพชิตทางหนึ่งส่ายหน้า ทางหนึ่งชูวัชระในมือขึ้น “ไม่รู้จัก แต่ในเมื่อเป็นผู้ที่อยู่อีกฝั่ง เช่นนั้นก็เหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอนิ่วหน้า จากนั้นคิ้วก็คลายออก “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ข้าเหมือนจะเข้าใจแล้ว”
เขาไพล่สองมือไว้ด้านหลัง ยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
อีกฝ่ายมีรัศมีแสงละลานตา แต่ว่าการโจมตีอันดุดันกลับไม่อาจทำลายหีบกลืนฟ้ากลืนดินได้
ญาณจริงแท้ของศาสนาพุทธและปราณวิญญาณหลายสาย ล้วนถูกสิ่งที่เหมือนกับหลุมดำกลืนกิน หายไปไม่เห็นร่องรอย
“มารนอกศาสนาแข็งแกร่ง ใช้หลักธรรมที่กว้างกว่านี้รับมือ” บรรพชิตเปล่งเสียงสรรเสริญพระคุณอย่างพร้อมเพรียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี