บรรพชิตหนุ่มนั่งมองเยี่ยนจ้าวเกออยู่บนศีรษะช้าง เอ่ยช้าๆ ว่า “อาตมาย่อมเทียบกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ไม่ได้ แต่ก็สามารถลงทัณฑ์มารนอกศาสนาอย่างอำมหิตได้เช่นดัน”
“ทะเลทุกข์ไร้ประมาณหันกลับจึงเห็นฝั่ง ประสกจงเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาบรรพชิตหนุ่มรูปนั้นขึ้นลง
เต๋ากับพุทธแบ่งระดับชั้นของพลังฝึกปรือไม่เหมือนกัน การเผยกลิ่นอายของญาณจริงแท้ก็ไม่เหมือนกันด้วย
หากไม่ลงมือจริงๆ เพียงมองสำรวจด้วยมาตรฐานของตนเอง ก็ยากจะแยกแยะพลังของอีกฝ่ายว่าอยู่ในระดับใด
แต่ถ้ายึดตามจอมยุทธ์ศาสนาพุทธที่อยู่รอบๆ บรรพชิตหนุ่มรูปนี้ไม่ธรรมดาอย่างชัดเจน ผิวที่อยู่ด้านนอกจีวร ปรากฏแสงสีฟ้าเขียว เหมือนกับกระจก
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเรียบๆ “ไต้ซือพูดล้อเล่นแล้ว ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่คิดจะออกบวช”
บรรพชิตหนุ่มรูปนั้นกลับกล่าวว่า “ประสกทั้งหลายออกจากโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้ามาถึงที่นี่ แม้จิตใจจะมีแต่ทิฐิ แต่ว่ามีพรสวรรค์โดดเด่นอยู่ในชั้นเอกอุ น่าเสียดายที่มัวเมาอยู่กับเส้นทางนอกรีต”
“อัจฉริยะผู้เป็นมารนอกศาสนาอย่างพวกประสก อาตมาเคยเทศนามาหลายคนแล้ว
“การเข้าสู่ศาสนาพุทธของอาตมา มิจำเป็นต้องบวชเสมอไป เพียงแต่มีพุทธศาสนาประจำใจก็พอ หากในใจมีพุทธะ ทุกที่ย่อมเป็นแดนสุขาวดี”
ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันหดตัวลง
‘เทศนา’ ใช่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
เป็นความหมายของการแผ่เมตตา หรือการทำให้รู้แจ้ง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งเท่าเทียม หากเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทุกคนสามารถกลายเป็นพระพุทธเจ้าได้ แต่ต้องสำรวจตัวเอง และจงเตือนสติของตัวเองอยู่เสมอ
แต่หลังจากพระศากยมุณีเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระศรีอาริย์ประทับอยู่ที่ดินแดนอภิรดี หลังจากเวลาผ่านไป สิ่งที่เรียกว่า ‘การเทศนา’ ก็ค่อยๆ มีความหมายเปลี่ยนไป
เยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เห็นด้วยตัวเอง ทว่าด้านในคัมภีร์ของหอหนังสือวังเทพมีบันทึกคร่าวๆ ไว้น้อยนิด
ข้อความไม่กี่ประโยค แต่โดดเด่นยิ่ง
“เทศนา เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอจ้องอีกฝ่าย “ท่านคิดจะกำราบความตั้งใจของข้า เพื่อให้ข้านับถือพระพุทธเจ้าหรือ”
บรรพชิตหนุ่มส่ายหน้า กล่าวเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่การบังคับ”
“สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างมีจิตแห่งพุทธะ เกิดในลู่ทางที่ถูกที่ควร เพียงแต่เพราะความลำบากทางโลก อีกทั้งยังมีมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนล่อลวง ดังนั้นสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งจึงหลุดออกจากครรลองที่ถูกต้อง เข้าสู่เส้นทางของมารร้าย”
“องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีเมตตา โปรดทุกสรรพสิ่ง ประสกแม้ว่าจะอยู่นอกศาสนา แต่อาตมาหากประสกกลับตัวกลับใจ ฟังคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า จะสามารถเรียกจิตแห่งพุทธะของตัวประสกกลับมาได้ จงนับถือพุทธเถอะ จะได้กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง”
เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “เจตนาดีของไต้ซือ ข้าเข้าใจแล้ว มีคำพูดว่าดอกไม้หอมเพราะผ่านเหมันต์โหดร้าย คมกระบี่คมเพราะถูกฝน ข้าขอทรมานอยู่ในทะเลทุกข์นี้อีกสักพักแล้วกัน จะกระโดดออกมาเมื่อไร และกระโดดออกมาอย่างไร ไต้ซือไม่จำเป็นต้องกังวล”
บรรพชิตหนุ่มยิ้มบาง “ประสกอย่าเอาแต่ยึดมั่นถือมั่น ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่หลุดพ้นจากทางโลกตลอดกาล”
เขากล่าวอย่างราบเรียบ “องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีเมตตา ศิษย์ขอเอาอย่าง การช่วยประสกนับว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง”
เมื่อกล่าวจบ ช้างเผือกที่มีขนาดยักษ์เท่าภูเขาที่อยู่ด้านล่างก็ยกเท้าหน้าขึ้น ก่อนจะเหยียบใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นมันอยู่ในสายตา มีเงาร่างอีกสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าเขาอย่างฉับพลัน
ยังคงเป็นร่างสีดำสลับขาว แต่ว่าสีหน้ากลับไม่น่าเอ็นดูซึมเซาอีก
สองตาฉายแววดุร้าย เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น สะกดเสียงสวดมนต์ที่ยิ่งใหญ่รอบๆ
พ่านพ่านโผล่ขึ้นมาโดยพลัน ยืนด้วยสองขาขวางอยู่ด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
ตัวมันขยายขนาด พริบตาเดียวศีรษะก็ยื่นจรดฟ้าเท้าเหยียบดิน ตัวใหญ่กว่าช้างเผือกเสียอีก!
พ่านพ่านที่ยืนสองขาพุ่งอุ้งเท้าหน้าไปด้านหน้า ปัดเท้าหน้าที่ช้างเผือกตัวนั้นยกขึ้น
อุ้งเท้าหน้าอีกข้างชูขึ้น ฟาดใส่ศีรษะของช้าง!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตก ช้างเผือกยักษ์ที่ตัวใหญ่ราวเทือกเขาตัวนั้นถูกพ่านพ่านฟาดถอยหลัง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี