วรยุทธ์ของอารามสูงส่งบนเขาเมฆเลือน แห่งสายประมุขบูรพา มีชื่อว่าคัมภีร์อายุวัฒนา
เป็นสาขาวิชาของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋าเมื่อครั้งอดีต
คนที่ฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนาจะมีอายุยืนยาว สามารถเก็บแฝงพลังชีวิต ใช้ชีวิตยืนนานเป็นชั่วนิรันดร์
ญาณจริงแท้และปราณจิตราสามารถเพิ่มระดับได้อย่างไร้สิ้นสุด ก่อเกิดเป็นปราณแห่งชีวิตอนันต์
บนเขาเมฆลวงมีพืชพันธุ์ขึ้นอยู่หนาแน่น ไม่ว่าจะไปที่ใดก็สามารถเจอบุปผาวิญญาณและโอสถวิญญาณหายากได้เป็นจำนวนมาก มีชื่อเสียงเลื่องระบือไปทั่วโลกซ้อนโลก
ประมุขบูรพาและประมุขอาคเนย์เทียบกับยอดฝีมือระดับสุดยอดที่เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ทั้งคู่โด่งดั่งไปทั่วใต้หล้าในด้านหลอมโอสถ
สิ่งที่แตกต่างกันอยู่ที่ ประมุขบูรพาเฉาเจี่ยมีระดับมรรคาโอสถโดดเด่น แต่กลับเป็นความสามารถของเขาเพียงผู้เดียว คนที่รับช่วงต่อมรดกทางด้านนี้ในสำนักมีอยู่ไม่มาก
แต่ว่าลูกศิษย์อารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือนของประมุขบูรพา ส่วนใหญ่แล้วเป็นยอดฝีมือด้านการหลอมโอสถ มีชื่อเสียงในด้านมรรคาโอสถ
หากมองดูในโลกซ้อนโลกทั้งหมด ระดับเฉลี่ยในด้านวิชาหลอมโอสถของลูกศิษย์อารามสูงส่งต่างโดดเด่นเหนือใคร
นี่ส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมของเขาเมฆเลือน และส่งเสริมความพิเศษของคัมภีร์อายุวัฒนาด้วย
กระนั้นนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังต่อสู้ของผู้สืบทอดแห่งอารามสูงส่งอ่อนด้อย
ในตอนนี้บุรุษวัยกลางคนใช้ดัชนีสายฟ้าพฤษาโทที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์อายุวัฒนะ ภายใต้ดัชนีหนึ่ง สายฟ้าสีเขียวบังเกิด ครอบคลุมฟ้าดินในชั่วพริบตาเดียว
สายฟ้าทั้งมีจิตทำลายล้าง ขณะเดียวกันก็มีจิตที่หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งให้ก่อกำเนิด สร้างโลกและแผ้วทาง
พลังชีวิตของวิญญาณไม้อันบริสุทธิ์ หลังจากบังเกิดเปลี่ยนแปลงแล้ว จะกลายเป็นสายฟ้าทำลายล้างที่ดุร้ายบ้าคลั่ง
บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ไม่ลงมือยังพอว่า ทว่าเมื่อลงมือก็ใช้พลังทั้งหมดทันที
ขณะที่ใช้นิ้วมือขวาแทงใส่เยี่ยนจ้าวเกอ มือซ้ายพลันยื่นขึ้นด้านบน
ธงขนาดใหญ่คันหนึ่งขยายใหญ่ขึ้น ไม่ทันไรก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง พุ่งสู่ท้องฟ้า ก่อนจะกลายเป็นพิรุณแสงหนาหนักร่วงหล่นลงมา
เยี่ยนจ้าวเกอถูกพิรุณแสงนี้ครอบคลุม สายตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย หลังจากสัมผัสครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกมั่นใจ “…ควบคุมข้า ทำให้ข้าไม่อาจใช้ของวิเศษได้หรือ”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมีดวงตาเย็นชา
ธงใหญ่คันนี้เป็นของวิเศษสิ้นเปลืองใช้แล้วทิ้ง เดิมทีพวกเขาเตรียมไว้รับมือกับเสวี่ยชูฉิง
ในตอนนี้เสวี่ยชูฉิงไม่อยู่ เยี่ยนจ้าวเกอกลับโผล่มา ก็นับว่าโชคดีที่ยังได้ใช้
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้มีชื่อกระฉ่อน แต่ว่าผู้คนก็ยังคงไม่รู้จักเขาดีนัก โดยเฉพาะคนที่อยู่นอกเขตตะวันอาคเนย์ ยิ่งรู้จักน้อยนัก
ทว่าการดำรงอยู่ของตราประทับตะวันกลับทำให้ทุกคนไม่กล้ามองข้าม
ของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน แม้ว่าธงวิญญาณคันนั้นจะน่าอัศจรรย์ แต่ไม่อาจควบคุมได้นาน
ดังนั้นบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นจึงไม่สนใจความต่างที่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกของตัวเองเหนือกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเกือบสามระดับ เขาลงมืออย่างเหี้ยมหาญ ต้องการเผด็จศึกโดยเร็ว
จอมยุทธ์อารามสูงส่งคนอื่นก็ล้อมวงเข้ามาเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอไม่อำพรางอายุของตัวเอง ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามที่หนุ่มแน่นเช่นเขา จึงยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง
ด้านนอกมีสหายร่วมสำนักสามคนคอยเฝ้าประตูทางเชื่อมเขตแดนอยู่แท้ๆ หนึ่งในนี้ยิ่งมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดง
สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคงทะลวงเข้ามาได้ สหายร่วมสำนักสามคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรยังไม่ทราบ จอมยุทธ์อารามสูงส่งที่อยู่รอบๆ จึงไม่กล้าผ่อนคลายจิตใจ
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูกลุ่มแสงสายฟ้าสีเขียวที่เติมเต็มคลองจักษุของตัวเอง ราวกับไม่เห็นอยู่ในสายตา
เงาร่างสายหนึ่งพลันโผล่ขึ้นด้านหน้าเขา ร่างกลายเป็นลำแสง หมัดหนึ่งต่อยออก ทำลายสายฟ้าสีเขียวที่ใหญ่ยักษ์เหมือนเขาบรรพตจนแหลกสลาย!
ผู้ที่ลงมือก็คือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
เงาของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกวูบไหว ไปอยู่ตรงหน้าคู่ต่อสู้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นั้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี