เยี่ยนจ้าวเกอโคจรเคล็ดวิชาคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตในร่าง ทั้งหมดโกลาหลไร้ขอบเขต กลายเป็นอนัตตา
บนพื้นฐานนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าตนคล้ายเข้าใจถึงความน่าอัศจรรย์ของแปลงกำเนิด ซึ่งเป็นอันดับแรกในห้ากำเนิดแรกเริ่มแล้ว
เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหรือเคล็ดวิชาแปลงกำเนิด ต่างก็พิศวงเกินไป ไม่อาจอธิบายได้ ไม่อาจวัดประมาณได้
เหมือนกับแค่คิดขึ้นในห้วงสมอง ก็อาจจะต้องออกจากลู่ทางที่ถูกนอก นอกจากข้อผิดพลาด ก็ยากจะทำความเข้าใจกับจิตที่อยู่ด้านในได้อีก
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน เขาใคร่ครวญเคล็ดวิชาแปลงกำเนิด ก็เพื่อปูทางให้แก่การศึกษาขั้วกำเนิด (ไท่จี๋) ในห้ากำเนิดแรกเริ่มต่อจากนี้
เหมือนกับเทน้ำลงจากที่สูง ให้ความสนใจกับประเด็นหลัก ทำแค่ครึ่งเดียวก็ได้ผลลัพธ์เป็นเท่าตัว
รูปไท่จี๋ยิ่งหมุนยิ่งช้า จนกระทั่งภายหลังก็ค่อยๆ หยุดลง
ในตอนที่ปลาหยินหยางซึ่งโอบกอดอยู่ไม่หมุนต่ออีก มิติรอบๆ ตัวที่ตอนแรกนิ่งเงียบ ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาในทันใด
เหมือนกับฟ้าดินขนาดเล็กใบหนึ่งในห้องสงบใจ กำลังจะถูกลอกออกมาจาโลกซ้อนโลก
วินาทีถัดมา รูปไท่จี๋ก็เริ่มหมุนอีกครั้ง สิ่งของรอบๆ ไม่ว่าจะมีรูปร่างหรือไร้รูปร่าง สามารถเห็นได้หรือไม่ ต่างเริ่มปรากฏเค้าลางว่าจะพังทลาย
สรรพสิ่งกลับคืนสู่จุดกำเนิด กลายเป็นปราณหยินหยางแรกเริ่มบริสุทธิ์ พุ่งเข้าไปในรูปไท่จี๋
พลังของรูปไท่จี๋เปี่ยมล้นมากขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างเฉื่อยชา สีหน้าไร้อารามณ์
เขาค่อยๆ สัมผัสถึงเคล็ดลับอย่างหนึ่งได้แล้ว เข้าใจแล้วว่าควรจะเปลี่ยนหลักการอันน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภาหยินหยาง ให้กลายเป็นฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดได้อย่างไร
มีเส้นทางอีกยาวไกลยังต้องก้าวเดิน
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอมีจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนการอนุมานและการศึกษา ส่วนที่ยากที่สุดความจริงคือการเริ่มต้น
การทำความเข้าใจมักยากที่จุดเริ่มต้น การก้าวข้ามธรณีประตูจึงพอจะบอกได้ว่าสามารถเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปได้
ในอีกความหมายหนึ่ง นี่สมกับคำพูดที่ว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เมื่อก้าวข้ามด่านนี้ไปได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกยินดีเหลือประมาณ แต่ว่าความรู้สึกสับสนก็มีมากขึ้นตามไปด้วย
จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่า หากกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ตนมีพรสวรรค์และความเข้าใจด้านวรยุทธ์เหนือธรรมดา
ที่เดินมาจนถึงวันนี้ได้ นอกจากสภาพแวดล้อมภายนอกแล้ว เงื่อนไขของตัวเองก็โดดเด่นถึงขีดสุดเช่นกัน
มาตรแม้นมักจะชื่นชมตัวเอง ชอบหลงตัวเอง ชอบแสดงความเก่งกาจต่อหน้าคนอื่น แต่หากพูดกันอย่างยุติธรรม เยี่ยนจ้าวเกอเป็นคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อย่างแท้จริง
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะฝึกฝนวรยุทธ์อะไร ต่างไม่ได้มีความเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ
วรยุทธ์แต่ละอย่าง เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนแล้วในระดับเดียวกัน ความก้าวหน้าจะมีทั้งเร็วทั้งช้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะความสนใจส่วนตัว ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ความพยายามมากกว่าเดิมหรือไม่
ในใต้หล้ามีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่เมื่อได้ฝึกฝนวรยุทธ์บางอย่างแล้ว จะสอดประสานกันเป็นพิเศษ ทำให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าข้อนี้ใช้กับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
ในระดับหนึ่งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรักวรยุทธ์ทุกชนิดอย่าง ‘เท่าเทียม’ และปฏิบัติต่อพวกมันอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ไม่ว่าจะเรียนคัมภีร์นภาต้นกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ หรือฝึกฝนสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนสายเหนือพิสุทธิ์ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก
แต่ว่าเมื่อศึกษาวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกปลอดโปร่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังคล่องมือเป็นพิเศษ
‘ล้อข้าเล่นหรือ ข้าเริ่มฝึกจากคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คัมภีร์นนภาที่ฝึกมาถึงตอนนี้มีทั้งสิ้นสามม้วน สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็ฝึกไปแล้วหนึ่งกระบี่ หลายปีมานี้เอาแต่ฝึกเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนนี้กำลังจะบอกข้าว่า ความจริงข้าเหมาะกับวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ที่สุดหรือ’
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ‘ด้านในหอหนังสือวังเทพเมื่อตอนนั้น มีคัมภีร์นภาต้นกำเนิดสี่ม้วน มีคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนอยู่เล่มหนึ่ง แต่ไม่มีวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์อยู่สักอันไม่ใช่หรือ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี