ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 864

ประกายน้ำสีจางปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็พุ่งมาทางดินแดนจิตคุณธรรมอย่างรวดเร็ว

ไม่ทันไรท้องฟ้าเหนือดินแดนจิตคุณธรรมก็ถูกประกายน้ำอันขมุกขมัวนี้ครอบคลุมเอาไว้

แสงสว่างกระจัดกระจาย การไหลของเวลาด้านในฟ้าดินแห่งนี้ราวกับหยุดชะงัก

สรรพสิ่งในโลกสูญเสียแสงสี เสียงขาดห้วง เงียบงันวังเวง

แสงสีเขียวหลายสายสว่างขึ้น หนือเขากว่างเฉิง กางออกเป็นค่ายกลยักษ์ครอบฟ้าครอบตะวัน ปกคลุมท้องฟ้าในชั่วพริบตา เป็นค่ายกลเอกพิสุทธิ์นั่นเอง

ค่ายกลเอกพิสุทธิ์ทำงาน ปราณสีเขียวมากมายแผ่ขยายออกไปไกล แทรกตัวเข้าไปในอากาศ

ดวงแสงสีดำขลับและดวงแสงสีเหลืองตุ่นดวงแล้วดวงเล่าปรากฏขึ้นระหว่างฟ้าดิน เหมือนกับดวงดาวจรัสฟ้า มีจำนวนนับไม่ถ้วน

แสงสว่างเหล่านี้กลายเป็นเส้นเดียว การทำงานของค่ายกลเอกพิสุทธิ์จับตัวกัน เหมือนกับฟ้าดินที่หนาหนัก แข็งแรงไม่อาจทำลาย

ประกายคลื่นที่เหมือนกับกระแสน้ำนั้นครอบคลุมอยู่บนค่ายกลเอกพิสุทธิ์ การโคจรของค่ายกลเชื่องช้าลง แต่ก็ยังคงต้านทานไว้ได้

ปราณบริสุทธิ์ลอยขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง รวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนฟ้า เหมือนกับกำลังจะลากท้องฟ้าของจริงลงมาเข้าใกล้เขากว่างเฉิงมากกว่าเดิม

ดวงแสงสีดำเหลืองนับหมื่นนับพันจมลงพร้อมกัน เหมือนกับฟ้าดินกำลังยกเขากว่างเฉิงและดินแดนจิตคุณธรรมที่อยู่ด้านล่างขึ้นด้านบน

ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินเหมือนกับเชื่อมต่อกัน มีสภาวะหุบปิด

เมื่อได้รับผลจากพลังอันยิ่งใหญ่นี้ ประกายน้ำอันขมุกขมัวนั้นก็ราวกับจะเกิดระลอกคลื่นขึ้น

ท้องฟ้ามีเสียงแก่ชราดังมา “โอ้? สำนักที่มาจากโลกเบื้องล่างเพิ่งก่อตั้งขึ้นในโลกซ้อนโลกได้ไม่เกินสี่ห้าปี กลับสร้างค่ายกลของสำนักได้แข็งแกร่ง เหนือกว่าการสั่งสมมานับร้อยนับพันปีของข่ายกระบี่ที่หอกระบี่ทะเลเหนืออีกหรือนี่”

“สร้างคลื่นลมขึ้นมาได้เช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดไว้”

แม้จะเห็นได้ถึงความประหลาดใจในคำพูดนี้อยู่หลายส่วน แต่น้ำเสียงของผู้พูดกลับเฉื่อยชา เหมือนกับกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์

“น่าเสียดายที่คนที่ควบคุมค่ายกลมีพลังฝึกปรือต่ำเกินไป ถ้าหากเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน บางทีอาจจะต้านทานข้าไว้ได้สักพัก”

น้ำเสียงยังคงสงบราบเรียบ แต่พอพวกเยี่ยนจ้าวเกอฟังแล้ว การพูดของอีกฝ่ายกลับพลันเร็วขึ้น

สิ่งที่เร็วขึ้นพร้อมกับการพูด ยังมีการเลื่อนไหลของกาลเวลาในฟ้าดินที่อยู่ใต้การปกคลุมของประกายน้ำนั้นด้วย!

มาตรแม้นว่าจะเป็นท้องฟ้าและผืนดิน เมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนานก็ย่อมเปลี่ยนแปลง มหาสมุทรแห้งเหือดเป็นผืนนา

ความโรยราและความเสื่อมโทรม เป็นเรื่องทุกสิ่งในโลกจะต้องเผชิญ

ภายใต้การชำระล้างจากกาลเวลา ค่ายกลเอกพิสุทธิ์พลันปั่นป่วนขึ้น

หยวนเจิ้งเฟิงควบคุมค่ายกล บนอาภรณ์ของเขาเริ่มปรากฏฝุ่นและรอยเปื้อน ผิวหนังมีรอยเหี่ยวย่นและตีนกาโผล่ขึ้นมา

คนเหมือนกับกำลังจะโรยราและเสื่อมสลายตามฟ้าดินแห่งนี้

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกู่ร้องเสียงสดใส พุ่งปราดออกจากวิหารใหญ่

หีบโลหะสีดำสนิทอันหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหน้ามัน

มันฟาดฝ่ามือใส่หีบกลืนฟ้ากลืนดิน ปากหีบเปิดออก แสงสีดำปรากฏ

กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งพุ่งออกจากหีบกระบี่ เข้าไปอยู่ในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก กลิ่นอายที่ดุร้ายหมายขวัญ ละโมบเกรี้ยวกราด พลันโชยพุ่งสู่ฟากฟ้า

ผิวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีเส้นเลือดสีดำขลับนูนขึ้นมา มองไปดูน่าสะพรึงยิ่ง

เส้นเลือดสีดำหลายเส้นตัดสลับพาดขวางกัน กอปรกันเป็นตราอาคมอันลี้ลับสายหนึ่งบนหลังมือข้างขวาที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจับกระบี่อยู่

ตราอาคมกะพริบบนผิว แสงสว่างจับตัวกันเป็นเทาเที่ยตัวหนึ่ง

เสียงของเทาเที่ยที่เหมือนเสียทารกร้องไห้ดังมา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสะบัดมือขวา ประกายกระบี่สีดำขลับกลายเป็นหลุมขมุกขมัวสีดำ ลอยอยู่ด้านบนเขากว่างเฉิง

หลุมอันขมุกขมัวสีดำนั้นให้กำเนิดแรงดึงดูดที่น่าพรั่นพรึง กลืนกินสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ

แม้แต่มิติก็ยังพังทลาย ถูกฉีกกระชากกลายเป็นร่องแยกสีดำหลายสาย ยุบตัวเข้าด้านในโดยมีหลุมอันขมุกขมัวสีดำเป็นศูนย์กลาง

ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำซึ่งครอบคลุมอยู่ด้านบนเขากว่างเฉิงถูกดูดเข้าไปในหลุมอันขมุกขมัวเป็นจำนวนมาก

แม้ประกายกระบี่จะยังคงแข็งแกร่ง แต่หยวนเจิ้งเฟิงที่ควบคุมค่ายกลเอกพิสุทธิ์อยู่ได้รับแรงกดดันน้อยลงแล้ว

หยวนเจิ้งเฟิงมีสีหน้าเยือกเย็น “จ้าวเกอ ร่างจริงของเจ้าที่อยู่ในโลกผืนสมุทรเป็นอย่างไรบ้าง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี