ประกายน้ำสีจางปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็พุ่งมาทางดินแดนจิตคุณธรรมอย่างรวดเร็ว
ไม่ทันไรท้องฟ้าเหนือดินแดนจิตคุณธรรมก็ถูกประกายน้ำอันขมุกขมัวนี้ครอบคลุมเอาไว้
แสงสว่างกระจัดกระจาย การไหลของเวลาด้านในฟ้าดินแห่งนี้ราวกับหยุดชะงัก
สรรพสิ่งในโลกสูญเสียแสงสี เสียงขาดห้วง เงียบงันวังเวง
แสงสีเขียวหลายสายสว่างขึ้น หนือเขากว่างเฉิง กางออกเป็นค่ายกลยักษ์ครอบฟ้าครอบตะวัน ปกคลุมท้องฟ้าในชั่วพริบตา เป็นค่ายกลเอกพิสุทธิ์นั่นเอง
ค่ายกลเอกพิสุทธิ์ทำงาน ปราณสีเขียวมากมายแผ่ขยายออกไปไกล แทรกตัวเข้าไปในอากาศ
ดวงแสงสีดำขลับและดวงแสงสีเหลืองตุ่นดวงแล้วดวงเล่าปรากฏขึ้นระหว่างฟ้าดิน เหมือนกับดวงดาวจรัสฟ้า มีจำนวนนับไม่ถ้วน
แสงสว่างเหล่านี้กลายเป็นเส้นเดียว การทำงานของค่ายกลเอกพิสุทธิ์จับตัวกัน เหมือนกับฟ้าดินที่หนาหนัก แข็งแรงไม่อาจทำลาย
ประกายคลื่นที่เหมือนกับกระแสน้ำนั้นครอบคลุมอยู่บนค่ายกลเอกพิสุทธิ์ การโคจรของค่ายกลเชื่องช้าลง แต่ก็ยังคงต้านทานไว้ได้
ปราณบริสุทธิ์ลอยขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง รวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนฟ้า เหมือนกับกำลังจะลากท้องฟ้าของจริงลงมาเข้าใกล้เขากว่างเฉิงมากกว่าเดิม
ดวงแสงสีดำเหลืองนับหมื่นนับพันจมลงพร้อมกัน เหมือนกับฟ้าดินกำลังยกเขากว่างเฉิงและดินแดนจิตคุณธรรมที่อยู่ด้านล่างขึ้นด้านบน
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินเหมือนกับเชื่อมต่อกัน มีสภาวะหุบปิด
เมื่อได้รับผลจากพลังอันยิ่งใหญ่นี้ ประกายน้ำอันขมุกขมัวนั้นก็ราวกับจะเกิดระลอกคลื่นขึ้น
ท้องฟ้ามีเสียงแก่ชราดังมา “โอ้? สำนักที่มาจากโลกเบื้องล่างเพิ่งก่อตั้งขึ้นในโลกซ้อนโลกได้ไม่เกินสี่ห้าปี กลับสร้างค่ายกลของสำนักได้แข็งแกร่ง เหนือกว่าการสั่งสมมานับร้อยนับพันปีของข่ายกระบี่ที่หอกระบี่ทะเลเหนืออีกหรือนี่”
“สร้างคลื่นลมขึ้นมาได้เช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดไว้”
แม้จะเห็นได้ถึงความประหลาดใจในคำพูดนี้อยู่หลายส่วน แต่น้ำเสียงของผู้พูดกลับเฉื่อยชา เหมือนกับกาลเวลาอันเป็นนิรันดร์
“น่าเสียดายที่คนที่ควบคุมค่ายกลมีพลังฝึกปรือต่ำเกินไป ถ้าหากเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน บางทีอาจจะต้านทานข้าไว้ได้สักพัก”
น้ำเสียงยังคงสงบราบเรียบ แต่พอพวกเยี่ยนจ้าวเกอฟังแล้ว การพูดของอีกฝ่ายกลับพลันเร็วขึ้น
สิ่งที่เร็วขึ้นพร้อมกับการพูด ยังมีการเลื่อนไหลของกาลเวลาในฟ้าดินที่อยู่ใต้การปกคลุมของประกายน้ำนั้นด้วย!
มาตรแม้นว่าจะเป็นท้องฟ้าและผืนดิน เมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนานก็ย่อมเปลี่ยนแปลง มหาสมุทรแห้งเหือดเป็นผืนนา
ความโรยราและความเสื่อมโทรม เป็นเรื่องทุกสิ่งในโลกจะต้องเผชิญ
ภายใต้การชำระล้างจากกาลเวลา ค่ายกลเอกพิสุทธิ์พลันปั่นป่วนขึ้น
หยวนเจิ้งเฟิงควบคุมค่ายกล บนอาภรณ์ของเขาเริ่มปรากฏฝุ่นและรอยเปื้อน ผิวหนังมีรอยเหี่ยวย่นและตีนกาโผล่ขึ้นมา
คนเหมือนกับกำลังจะโรยราและเสื่อมสลายตามฟ้าดินแห่งนี้
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกู่ร้องเสียงสดใส พุ่งปราดออกจากวิหารใหญ่
หีบโลหะสีดำสนิทอันหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหน้ามัน
มันฟาดฝ่ามือใส่หีบกลืนฟ้ากลืนดิน ปากหีบเปิดออก แสงสีดำปรากฏ
กระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งพุ่งออกจากหีบกระบี่ เข้าไปอยู่ในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก กลิ่นอายที่ดุร้ายหมายขวัญ ละโมบเกรี้ยวกราด พลันโชยพุ่งสู่ฟากฟ้า
ผิวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีเส้นเลือดสีดำขลับนูนขึ้นมา มองไปดูน่าสะพรึงยิ่ง
เส้นเลือดสีดำหลายเส้นตัดสลับพาดขวางกัน กอปรกันเป็นตราอาคมอันลี้ลับสายหนึ่งบนหลังมือข้างขวาที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจับกระบี่อยู่
ตราอาคมกะพริบบนผิว แสงสว่างจับตัวกันเป็นเทาเที่ยตัวหนึ่ง
เสียงของเทาเที่ยที่เหมือนเสียทารกร้องไห้ดังมา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสะบัดมือขวา ประกายกระบี่สีดำขลับกลายเป็นหลุมขมุกขมัวสีดำ ลอยอยู่ด้านบนเขากว่างเฉิง
หลุมอันขมุกขมัวสีดำนั้นให้กำเนิดแรงดึงดูดที่น่าพรั่นพรึง กลืนกินสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ
แม้แต่มิติก็ยังพังทลาย ถูกฉีกกระชากกลายเป็นร่องแยกสีดำหลายสาย ยุบตัวเข้าด้านในโดยมีหลุมอันขมุกขมัวสีดำเป็นศูนย์กลาง
ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำซึ่งครอบคลุมอยู่ด้านบนเขากว่างเฉิงถูกดูดเข้าไปในหลุมอันขมุกขมัวเป็นจำนวนมาก
แม้ประกายกระบี่จะยังคงแข็งแกร่ง แต่หยวนเจิ้งเฟิงที่ควบคุมค่ายกลเอกพิสุทธิ์อยู่ได้รับแรงกดดันน้อยลงแล้ว
หยวนเจิ้งเฟิงมีสีหน้าเยือกเย็น “จ้าวเกอ ร่างจริงของเจ้าที่อยู่ในโลกผืนสมุทรเป็นอย่างไรบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี