ประกายกระบี่สีม่วงสายนี้ของเฉาเจี๋ย มีอานุภาพยิ่งใหญ่ แม้แต่จวงเซินที่มีสี่จริยะหนุนนำ ก็ยังคงต้านทานความคมกล้าของมันไม่ได้อยู่บ้าง!
คลื่นบุญบารมีที่สรรพภัยมิสมควรกล้ำกราย ยามนี้ถูกย้อมด้วยแสงสีม่วงจางๆ ไม่ได้บริสุทธิ์ดุจเดิมอีก
ปฐพีอานิสงส์ที่ยืดยาวไม่ขาดสาย ความชั่วร้ายไม่อาจบุกรุก บัดนี้ค่อยๆ สั่นไหวและแหลกสลาย
แสงม่วงบารมีที่กีดกันภัยสังหาร เริ่มเปลี่ยนเป็นซีดจาง สัญญาณสังหารเริ่มปรากฏเค้าให้เห็น
ปราณขาวกุศลซ่อนที่มักจะก่อให้เกิดพลังชีวิตในสรรพภัย ตอนนี้ปราดเปรียวเป็นพิเศษ เริ่มสำแดงผล
แววตาของจวงเซินลุ่มลึกขึ้น “กระบี่จักรพรรดิสามกำแพง กระบี่จักรพรรดิสวรรค์…”
กระบี่จักรพรรดิสามกำพง วรยุทธ์สายสืบทอดของจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
ทั้งยังเป็นวรยุทธ์มรรคากระบี่สำนักเต๋าที่อยู่เหนือเคล็ดวิชากระบี่ยี่สิบแปดกลุ่มดาว
กำแพงจื่อเวยเป็นจุดศูนย์กลางของสามกำแพง กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ที่เกิดขึ้นทรงอานุภาพยากหยั่งคาด มีความน่าอัศจรรย์ได้ไร้สิ้นสุด
นี่คือรากฐานในการสร้างสำนักของเขาโถงทอง แม้ว่ากระบี่จักรพรรดิสามกำแพงซึ่งเขาโถงทองรับสืบทอดจะไม่สมบูรณ์ ทว่ามีเพียงแค่กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ ก็สยบคนทั้งโลกได้แล้ว
ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยในฐานะผู้ฝึกกระบี่ หากมองดูทั่วทั้งโลกซ้อนโลกแล้ว ในระดับประมุขด้วยกันยังมีน้อยคนนักที่เทียบพลังโจมตีกับเขาได้
แม้จะเป็นประมุขทักษิณจวงเซินที่มีสี่จริยะหนุนนำ มีพลังป้องกันน่าทึ่ง ยามนี้ก็ไม่อาจไม่หลบความคมกล้า
“สี่จริยะส่งเสริม หงส์อมตะอยู่ในภาวะนิพพาน ข้าสังหารท่านไม่ได้” เฉาเจี๋ยชี้กระบี่ที่จวงเซิน “แต่ท่านก็เอาชนะข้าไม่ได้เช่นกัน”
น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง ราวกับกำลังบรรยายข้อเท็จจริงที่ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ข้อหนึ่ง
ผลลัพธ์การประมือของทั้งสองฝ่าย กำลังพิสูจน์ถึงเรื่องนี้
กระบี่จักรพรรดิสวรรค์ของเฉาเจี๋ยพุ่งลง ฟันทำลายหงส์เพลิงที่ห่อคลุมร่างของจวนเซิง ใช้สี่จริยะคุ้มกันกายจนดับสูญ!
ท่ามกลางลำเพลิงเต็มฟ้า จวงเซินกลับไปอยู่บนเรือนภาร่อนวายุใหม่
ก้มหน้ามองไป บนฝ่ามือของตน ถึงกับเพิ่มรูเลือกขึ้นมาสายหนึ่ง
แสงอัคคีครอบคลุม จวงเซินกับเรือนภาร่อนวายุบ่ายหน้าจากไป
เสียงของเขาดังขึ้นอย่างเฉื่อยชา “เทียบกับท่านแล้ว ข้าถนัดป้องกันมากกว่าโจมตี หากสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่อาจเปรียบได้จริงๆ”
ไม่ว่าจะเป็นจวงเซินหรือเฉาเจี๋ย ต่างมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกับของวิเศษล้ำค่าอยู่กับตัว
ทว่าทั้งสองฝายไม่ใช่เพิ่งประมือกันเป็นครั้งแรก ต่างฝ่ายต่างพอจะรู้ตื้นลึกหนาบางของกันและกันอยู่คร่าวๆ
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่า เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าที่ไม่เห็นมาหลายปีและความลึกล้ำในปัจจุบันของอีกฝ่าย พวกเขาก็พอจะมั่นใจขึ้น
ทั้งสองล้วนมีพลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ระดับประมุขในหมู่มนุษย์ บางทีอาจจะตัดสินแพ้ชนะออก แต่ยากจะตัดสินเป็นตาย
เฉาเจี๋ยในเมื่อปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จวงเซินก็ทราบว่าไม่อาจใช้แผนการก่อนหน้าได้อีก สู้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ไม่ปรากฏความขุ่นเคืองหรือการยอมแพ้ มีเพียงความมั่นใจและความแน่วแน่ “แต่กระดูกหงส์อมตะนั้น ข้าจะต้องเอามาให้ได้ เฉาเจี๋ย พวกเราค่อยพบกันวันหน้า”
หงส์เพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ห่อหุ้มเรือนภาร่อนวายุ มีขนาดใหญ่เหลือประมาณ
สองปีกกระพือ พริบตาเดียวก็ข้ามผ่านดินแดนสุทธทัศน์ มุ่งหน้าไปยังเขตเพลิงทักษิณทางตะวันตก
เฉาเจี๋ยยืนอยู่กลางอากาศ สืบเท้าออกด้านหน้า ไล่ตามไป
ทิศที่ประกายดาบชี้ไป ดวงดาวบนท้องฟ้าคล้ายพากันร่วงหล่น กระแทกใส่หงส์เพลิงที่หนีไปนั้นอย่างต่อเนื่อง
ธารเพลิงกระเด็นไปทั่วท้องฟ้าอยู่ชั่วขณะ ราวกับขนหงส์อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนหลุดร่วง
หลินฮั่นหัว แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ และผู้อาวุโสระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสองคนนั้น ยังมีจอมยุทธ์จากเขตตะวันอาคเนย์ทั้งหมดบนเรือ ยามนี้รู้สึกฮึกเหิมขึ้น
“ศัตรูที่มาบุกตะวันออกเฉียงใต้ ล้วนสังหารให้หมดสิ้น พวกเราติดตามศิษย์น้องเฉาเอาคืนเขตเพลิงทักษิณ” แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ครั้งนี้เอ่ยปากขึ้น
หลินฮั่นหัวตอบ “ขอรับท่านอาจารย์ป้า”
ทุกคนหันหัวหอก เปลี่ยนจากรับเป็นรุก ติดตามไล่โจมตีพร้อมกับประมุขอาคเนย์ทันที
ยอดฝีมือจากเขตเพลิงทักษิณที่บุกรุกเข้ามาในเขตตะวันอาคเนย์ก็ปราดเปรียวเช่นกัน ครั้นพบกว่าประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยปรากฏกาย และประมุขทักษิณจวงเซินถอยทัพ ก็พลันหยุดฝีเท้า หันศีรษะถอยกลับทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี