ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 904

ในระหว่างที่คนเหล่านั้นต่อสู้กัน เยี่ยนจ้าวเกอพอจะมองออกอยู่บ้าง

แววตาเขาเปลี่ยนเป็นล้ำลึกกว่าเดิมอย่างควบคุมไม่ได้ ‘เป็นวรยุทธ์ตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ทั้งยังรักษาไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ เพียงแต่…’

เพียงแต่แม้จอมยุทธ์เหล่านี้จะฝึกฝนญาณจริงแท้ปราณจิตรา เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ลมปราณและจุดลมปราณได้ แต่ว่ารากฐานของพวกเขามาจากแสงศรัทธาในร่าง

กลุ่มคนที่เหาะเหินมากลุ่มนี้ ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น

แต่ว่าแสงศรัทธาของคนที่หนีอยู่ด้านหน้ากลับไม่มั่นคงนัก

เหล่าคนที่ไล่ตามมาด้านหลัง ไม่พูดถึงระดับฝึกปรือสูงต่ำ อย่างน้อยแสงก็มั่นคงยิ่ง เสถียรเหมือนปกติ

ส่วนคนที่ถูกไล่ล่าอยู่ด้านหน้าผู้นั้น แสงในร่างกะพริบไม่หยุด เดี๋ยวสว่าง เดี๋ยวมืด

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงเพ่งสายตามองไป เห็นคนที่หนีอยู่ข้างหน้าผู้นั้น เป็นบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์แดง ใบหน้าน่าเกรงขาม สายตาแน่วแน่

เขามีพลังฝึกปรือสูงส่งยิ่ง จุดลมปราณทั่วร่างเปิดขึ้น ไม่เพียงแต่จุดลมปราณทั่วร่างเท่านั้นที่หลอมเป็นเทวะหมดแล้ว แม้แต่จุดลมปราณซ่อนเร้นมากมายก็ประสานเสียงกับดวงดาวที่แท้จริงในจักรวาลนอกโลกสำเร็จ ทลายนภาเห็นเทวะสำแดงแล้ว

นี่เป็นสัญลักษณ์พิเศษของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย

ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง หลังจากหลอมจุดลมปราณหลักกลายเป็นเทวะแล้ว จะรุดถึงระดับสูงสุด

ยามนี้หากลองหลอมจุดลมปราณซ่อนเร้นมากมายให้กลายเป็นเทวะ แล้วก้าวเท้าก้าวแรกสำเร็จ ก็จะเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย

จอมยุทธ์ผู้มีนามว่าหยางชง ซึ่งกำลังถูกไล่ล่าอยู่ในตอนนี้ เขาอยู่ในระดับนี้นี่เอง

เยี่ยนจ้าวเกอวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝน มันมีชื่อว่าฝ่ามือฟ้าพร่องโกลาหล มาจากคัมภีร์ฟ้าโกลาหล ด้านในหอหนังสือของวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ถึงขั้นมีเก็บไว้

แสดงให้เห็นว่า แม้จะพึ่งพาแสงศรัทธาเป็นรากฐาน แต่ว่าหยางชงมีพรสวรรค์วรยุทธ์ไม่ต่ำต้อย เพราะเขาศึกษาฝ่ามือฟ้าพร่องโกลาหลถึงแก่นแท้มาแล้ว

แต่ว่าในตอนนี้ เขากลับถูกจอมยุทธ์ศักดิสิทธิ์ที่เพิ่งเลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง หรือขั้นรวมรูปไล่ล่า

นอกจากนี้หยางชงยังมีสภาพทุลักทุเลยิ่ง ได้แต่สู้ไปพลาง หนีไปพลาง

คนที่ไล่ตามอยู่เบื้องหน้า ล้วนฝึกฝนคัมภีร์ฟ้าโกลาหลเป็นรากฐาน เป็นสหายร่วมสำนักของเขา

‘ได้รับบาดเจ็บหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด ‘หรือว่า…’

ในกลุ่มไล่ล่ามีคนร้องว่า “อาจารย์อาหยาง โปรดหยุดเลอะเลือน กลับสำนักกับพวกเราเถอะ ขออภัยต่อหน้าองค์เทพ ไม่แน่ว่าจะไม่สามารถหันหน้ากลับได้!”

ไม่รอหยางชงตอบ ในกลุ่มไล่ล่าก็มีอีกคนตวาดเสียงดุดัน “เฉวียนฮ่าวหลง ท่านคิดปกป้องคนทรยศผู้นี้หรือ”

คนที่เพิ่งพูดก่อนหน้านี้หน้าซีดขาวเล็กน้อย

หยางชงส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับเฉวียนฮ่าวหลงผู้นั้น ทอดถอนใจว่า “เส้นทางนอกรีตไม่ใช่ไร้ซึ่งเส้นทาง เส้นทางหลายหลักเองก็ไม่ใช่มีแค่หนึ่ง ข้าได้เห็นเส้นทางมากมาย คิดเลือกการใช้ชีวิตแบบอื่นตามความต้องการของตัวเองเท่านั้น”

“โลกที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นของจริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด โลกที่พวกเราสามารถเห็นได้ เป็นเพียงสิ่งที่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อยากให้พวกเราเห็นเท่านั้น”

แววตาของหยางชงส่ายไหวเล็กน้อย “เมื่อได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น โลกตรงหน้าเราก็ไม่เหมือนเดิมอีก…”

ผู้ที่ไล่ล่าเขาพอได้ยิน ต่างก็มีสีหน้าที่ต่างไปจากเดิม “เหลวไหลทั้งเพ คำพูดชั่วร้ายหลอกลวงผู้คน!”

ในเสียงตวาด คนมากมายลงมือพร้อมกัน เป็นฝ่ามือฟ้าพร่องโกลาหลเหมือนกับหยางชง

พลังฝ่ามือกระจายไปทั่ว ทิวทัศน์ระหว่างฟ้าดินเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน

ลมหยุดพัด อากาศเหนียวเหนอะราวกับบ่อโคลน

เมฆผนึกแข็ง หล่นลงเบื้องล่างคล้ายกับก้อนตะกั่ว

พื้นดินยุบลง น้ำในทะเลสาบพัดทวน พุ่งขึ้นสู่ฟ้า

ทุกสิ่งทุกอย่างต่างไปจากปกติ ความโกลาหลเกิดขึ้นทุกที่ ทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนเหลือประมาณ

ความโกลาหลมากมายรวมตัวกัน กอปรกันเป็นพลังมหาศาลที่บิดเบี้ยว คล้ายกับกำลังฉีกกระชากม่านฟ้า

พลังในตอนนี้ของหยางชงไม่ต่างกับสหายในสำนักที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นของเขาเหล่านั้นเท่าใดนัก

ถ้าหากดำเนินต่อไป เช่นนั้นอีกไม่นาน พลังของเขาอาจจะตกไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม

นอกจากนี้จะลดลงไปอย่างต่อเนื่องด้วย

ไม่ใช่แค่หลอมจุดลมปราณเป็นเทวะเท่านั้น ในการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ที่ฝึกฝนมาถึงทุกวันนี้ ไม่อาจแยกจากแสงศรัทธานั้น

ในจอมยุทธ์ที่โจมตีหยางชง คนที่เป็นผู้นำเอ่ยอย่างเย็นชา “หยางชง ท่านใช้คำโกหกหลอกลวงผู้คน หมายจะล่อใจพวกเรา ไม่ใช่เพราะต้องการสร้างความปั่นป่วนให้แก่จิตใจของพวกเรา ให้พวกเรามีจุดจบเดียวกับท่าน เพื่อจะได้ปล่อยท่านหนีหรือ”

“ฝันไปเถอะ พวกเราศรัทธาในเต๋า องค์เทพทรงประทานพร ไหนเลยจะคลุ้มคลั่งไปเช่นท่าน?”

“ในเมื่อตอนนี้ท่านยังยึดมั่นถือมั่น เช่นนั้นก็จงรับความตายเสีย!”

ขณะที่พูด คนผู้นี้ฉวยโอกาสตอนที่หยางชงป้องกันคนอื่น วูบไหวร่างกายครั้งหนึ่ง

ฝ่ามือฟ้าพร่องโกลาหลกลายเป็นวรยุทธ์อีกอย่างหนึ่งที่บันทึกในคัมภีร์ฟ้าโกลาหล ดัชนีปั่นป่วนเอกภพ

หยางชงถูกผู้อื่นกลุ้มรุม ในขณะที่ใช้พลังทั้งหมดเข้าปะทะ ก็หลบเลี่ยงและป้องกันไม่ทัน พลันถูกดัชนีทิ่มใส่

สีหน้าเขาพลันเปลี่ยน ตอนแรกเป็นสีแดง จากนั้นก็กลายเป็นสีเขียวเข้ม กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

คนที่รุมโจมตีที่เหลือ ฉวยโอกาสนี้ลงมือพร้อมกัน ใช้ฝ่ามือฟ้าพร่องโกลาหลทำลายญาณจริงแท้คุ้มร่างของหยางชง กระแทกเขาตกลงจางฟ้า

หยางชงกระเด็นลงไปถึงพื้น เหลือลมหายใจรวยริน ยากจะขยับเขยื้อน

คนอื่นๆ ติดตามไป คนผู้หนึ่งพูดอย่างแช่มช้าว่า “ศิษย์หลานเฉวียน เจ้าลงมือ จัดการเขาเสีย”

ทันทีที่คนที่ชื่อเฉวียนฮ่าวหลงผู้นั้นได้ยินประโยคนี้ ร่างของเขาก็พลันแข็งทื่อ

………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี