ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 910

มีคำกล่าวว่า ท้องฟ้าไม่มีดวงอาทิตย์สองดวง

แต่ว่าในตอนนี้ ดวงอาทิตย์สองดวงลอยอยู่กลางฟ้าสูง สาดส่องแสงให้แก่โลกสูงเลิศ

โลกใบนี้ถึงขั้นไม่อาจบรรจุแสงไร้สิ้นสุดจากดวงอาทิตย์สองดวงนี้ได้

ท้องฟ้าถูกฉีกกระชากโดยสมบูรณ์ แสงสาดออกไปไกล แม้แต่มิติที่มืดมิดก็ถูกส่องสว่าง

ดวงอาทิตย์สีแดงดวงหนึ่งตรงกลางนั่งไว้ด้วยพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ม้วนศีรษะเป็นมวย สวมจีวรบาง นั่งกลางดอกบัว สองมือประสานมุทรา

เสียงสวดมนต์กระจายไปทั่วฟ้า ลักษณะสมบูรณ์แบบ แสงพุทธสาดส่อง

ดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่งเป็นสีทอง ส่องแสงทั่วฟ้าดิน เหมือนกับดวงอาทิตย์ของจริงเหนือศีรษะ

แสงสว่างไร้สิ้นสุดจากดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้นแผ่ขยายออกไปรอบๆ ส่องโลกสูงเลิศให้เป็นตอนกลางวัน

แม้ว่าจะไม่ได้มีจิตแห่งสติอันสงบนิ่งของศาสนาพุทธ แต่ดวงอาทิตย์สีทองก็สว่างไสวกว่า เร่าร้อนกว่า บริสุทธิ์ยิ่งกว่า

ทว่าด้านในดวงอาทิตย์สีทองดวงนี้ก็มีแสงหลายสายสาดส่องไม่เปลี่ยนแปลงอยู่เช่นกัน

ฟู่ถิงมองเหตุการณ์นี้ คิ้วเลิกขึ้นน้อยๆ “ตรายูไลครรภโกศธาตุ การสืบทอดสายยูไลของศาสนาพุทธ”

นางมองดวงอาทิตย์สีทองดวงนั้น “ความรู้สึกนี้เหมือนเป็น…”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณ ของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

“เมื่อครู่เราได้เห็นคนที่เคยฝึกวรยุทธ์ชนิดนี้จากโถงเซียน ต่อสู้กับจักรพรรดิประกายกาฬ”

ดวงอาทิตย์หนึ่งแดงหนึ่งทองแย่งชิงแสงกลางอากาศ เป็นเหตุให้ฟ้าดินในโลกสูงเลิศกำลังสั่นไหว

ไม่ใช่แค่ท้องฟ้าที่ถูกฉีกเท่านั้น ภูผาแผ่นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็แตกร้าวไปด้วย

โลกสูงเลิศมีระดับความแข็งแกร่งและระดับความมั่นคงของเขตแดนฟ้าดินเหนือกว่าโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกปีศาจอัคคี แต่ไม่อาจเทียบกับโลกซ้อนโลกได้

ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขจากพุทธและเต๋าสองคนประมือกัน ที่นี่พลันมีสภาพเหมือนวันสิ้นโลก

โชคดีที่สองฝ่ายที่สู้กันยังมีสติดี ในตอนที่ประมือครั้งแรก ก็ทลายนภาออกไป หมายจะย้ายสนามรบไปยังมิติต่างแดน

ไม่ว่าจะเป็นสำหรับโถงเซียนสำนักเต๋า หรือแดนสุขาวดีศาสนาพุทธ คนธรรมดาสามัญที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ล้วนเป็นแหล่งของพลังศรัทธาอันสำคัญ เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่พวกเขาช่วงชิงกันอยู่แล้ว

บางทีอาจเป็นเพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อสภาพอากาศ หรือไม่ก็เพราะความต้องการส่วนตัว

สรุปก็คือ ประมุขระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สองคนทลายนภาออกไปแล้ว

แม้ว่าฟ้าดินจะยังคงสั่นไหว แต่ว่าในที่สุดโลกสูงเลิศก็ไม่ได้พินาศเพราะเรื่องนี้

นอกจากยอดฝีมือระดับสุดยอดของแต่ละฝ่ายแล้ว จอมยุทธ์คนอื่นๆ จากโถงเซียนและศาสนาพุทธต่างก็จับคู่เข่นฆ่ากัน

ผู้ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงทลายนภาตามประมุขระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สองคนไป ส่วนผู้ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำต่อสู้กันอยู่บนโลกสูงเลิศ

เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงสบตากัน แล้วเหาะร่างขึ้นด้านบนอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งสองใช้สภาพโกลาหลตรงหน้า ผละจากโลกสูงเลิศผ่านร่องแยกมิติที่พังทลายทันที

เทียบกับในตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงฝั่งโถงเซียนเพราะการโจมตีของทวนพระอังคารเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว มิติในตอนนี้สับสนอลหม่านยิ่ง

มิติเวลาเปลี่ยนเป็นโกลาหลถึงขีดสุด ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยการสั่นไหวของกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง คล้ายกับควันสงครามตลบไปทั่ว ทุกที่ต่างเกิดการฆ่าฟันกัน

‘สถานการณ์ในตอนนี้ต่อให้ท่านแม่จะอยู่ในโลกใบอื่น ก็เกรงว่าจะไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่เช่นกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ

สำหรับเขา สำหรับฟู่ถิง สำหรับเสวี่ยชูฉิงที่เป็นลูกศิษย์สามพิสุทธิ์สายหลักแล้ว ดินแดนที่เกิดการต่อสู้ระหว่างโถงเซียนกับศาสนาพุทธเบื้องหน้านี้ ไม่เป็นผลดีต่อการเร้นกายมากที่สุด

หากเก็บพลังฝึกปรือของตัวเอง จะถูกคลื่นที่หลงเหลือจากการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่ายกวาดล้างได้ง่ายๆ ตายไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

หากไม่กดอัดพลังของตัวเอง เมื่อด้านในร่างไม่มีทั้งแสงพุทธและแสงเต๋าก็จะสะดุดตา ถูกเปิดเผยสถานะได้อย่างง่ายดาย

ทว่าการหลบหนีในครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิง กลับพบปัญหาหนึ่งเข้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี