บนเรือนภาบัวแดงมีเสียงของสตรีดังมา “ท่านข่มขู่ข้าหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉยชา “ท่านเทพธิดาล้อเล่นแล้ว แม้ข้าผู้แซ่เยี่ยนจะไม่เก่งกล้าสามารถ แต่ก็ไม่คิดจะเสวนากับคนระดับพวกเขา”
“จักรพรรดิแพรต้อนรับขับสู้ข้าอย่างดี ข้ารำลึกถึงมาโดยตลอด สงครามระหว่างเขากับทวนพระอังคารใกล้เข้ามาแล้ว ตอนนี้หากที่นี่เกิดความขัดแย้งขึ้น ก็ดูจะไม่ค่อยโสภานัก”
“เมื่อพบเจอโดยบังเอิญ เพื่อป้องกันไม่ให้คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงก่อเรื่อง ข้าจึงลงมือขจัดเพทภัย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะทำให้ท่านเทพธิดาเข้าใจผิด”
“แต่ข้าไม่สนใจความเป็นความตายของเขาจริงๆ”
พวกเฉิงโม่ที่เป็นจอมยุทธ์จากอารามคงมายา กับลูกศิษย์จากยอดเขาอัศจรรย์ที่มาส่งแขกผู้นั้นสบตากัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไร้คำพูด
ไม่คิดจะเสวนากับคนระดับพวกเขา…
คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง…
ไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเขา…
คนที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดถึง ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงทั้งสิ้น
อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้สืบทอดทั่วไป แต่ว่าเป็นลูกศิษย์ของประมุขประจิมแห่งเขาทุ่งวิจิตร!
ในเขตกระฟ้าประจิมล้วนเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ สำหรับโลกซ้อนโลกเองก็ถือเป็นผู้ที่มีเบื้องหลังแข็งแกร่ง กอปรด้วยพลังอันโดดเด่นเช่นกัน
ในนี้แม้ว่าจะไม่มีบุคคลระดับม่อเฉิงอยู่ แต่สามารถฝึกฝนถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงได้ แล้วจะมีผู้ใดไม่ใช่บุคคลระดับอัจฉริยะบ้าง
หากกลับไปช่วงวัยเยาว์ แต่ละคนล้วนโดดเด่นออกมาจากคนจำนวนนับไม่ถ้วน
เฉิงโม่กล่าวคำพูดเหล่านี้ยังพอว่า แต่ปัญหาก็คือระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเช่นกัน
นอกจากเฉิงโม่และกวนอวี่ลั่วแล้ว จอมยุทธ์จากอารามคงมายาและลูกศิษย์ของยอดเขาอัศจรรย์ผู้นั้นที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง
ทว่ายามนี้พอมองดูลูกศิษย์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านั้น ทุกคนก็อดหัวเราะด้วยความขื่นขมอยู่ในใจไม่ได้
ผู้สืบทอดของประมุขอุดร แห่งอารามคงมายา
ผู้สืบทอดของประมุขประจิม แห่งเขาทุ่งวิจิตร
ผู้สืบทอดของจักรพรรดิแพร แห่งยอดเขาอัศจรรย์
ไม่ว่าจะเป็นคนจากสำนักใด ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น
กระนั้นตอนนี้ไฉนพวกเขาถึงได้รู้สึกว่า อัจฉริยะอย่างพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับคนหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาว ทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเบื้องหน้าผู้นี้จริงๆ
“หรือท่านเทพธิดาคิดว่าข้าควรจะปล่อยคนที่นินทาผู้อื่นลับหลังเหล่านี้ไป”
“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองเรือนภาบัวแดง “พวกเขาก็คู่ควรหรือนี่”
กวนอวี่ลั่วมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความงงงัน
จะว่าไป ในสายตาของคนบางคนก็อาจจะเป็นเช่นนี้จริงๆ
ฝ่ายหนึ่งคือผู้สืบทอดของประมุขผู้ยิ่งใหญ่ อีกฝ่ายมาจากสำนักที่ขึ้นมาจากโลกเบื้องล่าง
ต่อให้ฝ่ายแรกจะพูดจาดูแคลน ฝ่ายหลังแม้ไม่พอใจอย่างไร แค่หลบเลี่ยงก็เพียงพอแล้ว
ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านจะจัดการลูกศิษย์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านี้ จนสะกิดต่อมความโกรธของประมุขประจิม คิดว่าต่อจากนั้นยังจะไม่ถูกเอาคืนอีกหรือ?
ถึงขั้นที่ในตอนนี้อาจจะสะกิดความโกรธของเทพธิดาสสารกำเนิด สหายสนิทของภรรยาของประมุขประจิม เป็นเหตุให้ถูกเล่นงานในทันทีด้วย
กระนั้นพอเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับตัวเยี่ยนจ้าวเกอ กลับมอบความรู้สึกสมเหตุสมผลให้แก่กวนอวี่ลั่ว
ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกออดกลั้น นั่นต่างหากที่จะผิดปกติ
แม้แต่เทพธิดาสสารกำเนิดลงมือ เขาก็ยังป้องกันไว้ได้
บุคคลเช่นนี้หากต้องหลบเลี่ยงลูกศิษย์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านั้น ไหนเลยจะไม่ใช่เรื่องน่าหัวร่อ
บนเรือนภาบัวแดงมีเสียงดังมา “อ้อ? ท่านกล่าววาจาน่าสนใจยิ่ง แต่ถ้าหากว่าประมุขประจิมอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านจะยังคลุ้มคลั่งเช่นนี้หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉยชา “บางทีอาจจะพรากชีวิตของคนเหล่านี้ไม่ได้ แต่ข้าก็ยังอยากจะลองดูอยู่ดี”
บนเรือมีเสียงของสตรีดังขึ้นอีก “การต่อสู้ของศิษย์พี่และทวนพระอังคารดึงดูดสายตาของคนทั้งโลก ไม่สมควรให้เกิดเรื่องแทรกซ้อน ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจัดการคนไม่มีตามาก่อเรื่อง”
“ท่านต้องการขึ้นเรือไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็ขึ้นมาเถอะ”
กวนอวี่ลั่วมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย
วาจาของเถาอวี้มีความกำกวมอยู่บ้าง เหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็เหมือนกับมีความนัยอย่างอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี