‘เป็นสายฟ้าอนธการหรือ’
เฉิงโม่มีประสบการณ์มาก ทั้งยังมีพลังสายตาไม่ธรรมดา จึงดูเบื้องหลังของความมืดที่อยู่ตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าอนธการจะสร้างความมืดไร้สิ้นสุด สะกดความสามารถในการรับรู้ รวมไปถึงสติของคู่ต่อสู้ เหมือนกับม่านราตรีมาเยือน
จุดที่ตึงมือของมัน ไม่ได้อยู่ที่พลังทำลายล้าง
แต่อยู่ที่เมื่ออานุภาพของแสงสายฟ้าสูงถึงระดับหนึ่ง คนที่ถูกสายฟ้าอนธการครอบคลุมจะติดอยู่ในสภาวะที่ไม่คิด ไม่ฟัง และไม่เห็น ไร้ความรู้สึก เสมือนหลับลึก
หากมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมได้แต่รอให้ผู้คนเชือดเฉือนตามใจ
นี่เป็นอานุภาพที่แท้จริงและความน่าอัศจรรย์ของสายฟ้าอนธการ หนึ่งในสายฟ้าเซียนทั้งเก้า
กระนั้นวิธีการนี้เกี่ยวข้องกับพลังฝึกปรือของทั้งสองฝ่าย
เฉิงโม่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการกระตุ้นสายฟ้าอนธการของเยี่ยนจ้าวเกอ จะทำให้ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในระดับเดียวกันติดอยู่ในสภาวะหลับไหล โดยที่ผู้เคราะห์ร้ายไร้ซึ่งความสามารถตอบโต้
นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่หนึ่งคนสองคน แต่เป็นคนกลุ่มหนึ่ง!
สิ่งที่ทำให้เฉิงโม่รู้สึกตะลึงลานก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นวิชาสายฟ้าให้ความมืดไร้สิ้นสุดครอบคลุมพื้นที่รอบๆ ทว่าจอมยุทธ์จากอารามคงมายาในเขตราตรีอุดรที่ติดอยู่ในความมืดเช่นกันกลับไม่ได้รับผลกระทบใด สายฟ้าอนธการเพียงส่งผลต่อจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเท่านั้น
กวนอวี่ลั่วที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์เองก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แสดงถึงการทำยากให้เป็นง่าย ควบคุมได้อย่างใจนึก ชนิดเคลื่อนใบมีดเหลือที่ว่างของเยี่ยนจ้าวเกอ
ยิ่งพลังฝึกปรือของจอมยุทธ์แข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งกระตุ้นสายฟ้าอนธการได้รุนแรงขึ้นเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอสามารถทำถึงขั้นนี้ได้ คนผู้นี้ต้องมีพลังฝึกปรือกล้าแข็งถึงระดับไหนกัน
เฉิงโม่สับสนอยู่ชั่วขณะ แต่ก็แน่ใจว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงทั่วไปแน่นอน!
‘ผู้มีชื่อเสียงไร้คนจอมปลอม’ เฉิงโม่ถอนใจชมเชย แต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลาย ‘แต่นี่ทำต่อหน้าเทพธิดาสสารกำเนิด…’
ทั้งสองฝ่ายอยู่ใต้เรือนภาบัวแดง หากมีการเคลื่อนไหวอะไรย่อมปิดบังเถาอวี้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าไม่ได้
และเป็นเช่นที่เขาคาดเดาไว้ ทันใดนั้นพลันมีคนแค่นเสียงอย่างเย็นชาจากบนเรือยักษ์
ไอเมฆสีอ่อนหลายสายปรากฏขึ้นโดยรอบ
ครั้นไอเมฆพอมาถึง มันกลับไม่ถูกความมืดกลืนกิน แต่คล้ายกำลังเจือจางความมืด ทำให้ม่านราตรีสีดำสนิทไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
ด้านในม่านราตรีเกิดทิวทัศน์สีขาวโพลนขึ้นแถบหนึ่ง
แต่วินาทีถัดมา ประกายแสงเจิดจ้าก็สว่างขึ้นจากด้านนอกความมืด ครอบคลุมความมืดเอาไว้ ทว่าความมืดกลับยังคงเป็นปกติ ส่วนแสงอาทิตย์บดบังอยู่ด้านบนความมืด เหมือนกับฉัตร
เมื่อถูกแสงอาทิตย์นี้สาดใส่ ไอเมฆสีอ่อนก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาในความมืดได้ในทันที
“ตราประทับตะวัน?” บนเรือนภาบัวแดงมีเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น นางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ท่านก็ขัดขวางข้าไม่ได้อยู่ดี”
เรือนภาบัวแดงขนาดยักษ์ที่ลอยค้างอยู่กลางมิติพลันสั่นไหว
แสงสว่างรอบๆ เรือยักษ์ที่ราวกับกับบัวแดงเริ่มเบ่งบาน เปลวเพลิงปะทุพลันเกิดความแปรปรวน
บัวแดงขนาดใหญ่โตที่ยึดครองมิติ ยามนี้เหมือนกับส่ายไหวตามแรงลม
จอมยุทธ์ที่อยู่บนกลีบดอกบัวแดงมากมาย ต่างมองมายังตรงกลางบัวแดงด้วยความประหลาดใจ
รูปไท่จี๋กลางเรือนภาบัวแดงลอยขึ้น ดูดตราประทับตะวันไว้
เรือยักษ์นาวาเทพลำนี้ผ่านการปรับปรุงโดยจักรพรรดิแพร กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเรือนภาร่อนวายุธรรมดามากมายนัก
แม้จะไม่ใช่ของหายาก แต่ก็เป็นอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้ชิ้นหนึ่ง
ตราประทับตะวันนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียน จึงไม่อาจแสดงความสามารถทั้งหมดของมันออกมาได้
รูปไท่จี๋ที่เกิดจากปราณสีขาวดำสองสายนั้นก็ไม่ได้ฝืนปะทะ เพียงแต่เกาะติดตราประทับตะวัน ทำให้มันไม่อาจร่วงตกได้ชั่วคราว
และในชั่วระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็มากพอจะให้คนบนเรือนภาลงมือแล้ว
มีฝ่ามือข้างหนึ่งข้ามผ่านความมืดมาอย่างเงียบเชียบ บรรลุถึงด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ!
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ยกขวานยักษ์ทำจากหยกขาวเล่มหนึ่งขึ้น แล้วจามใส่มือขาวผ่องที่ดูเหมือนอ่อนโยน แต่ความจริงน่าพรั่นพรึงข้างนั้น
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แทบจะฉีกม่านราตรีที่ครอบคลุมผู้คนอยู่
กระนั้นเยียนจ้าวเกอกลับทิ่มนิ้วมืออีกข้างหนึ่งเบาๆ
คลื่นคลั่งหลายสายโหมซัดอยู่ใต้ม่านราตรีไม่หยุดยั้ง แต่กลับอยู่ในสมดุลอันน่าพิสดาร เพราะผลของดัชนีหยินหยาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี