ทวนพระอังคารไม่จำเป็นต้องจงใจแสดงพลัง เพราะเพียงแค่ปรากฏตัวก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางของบริเวณรอบๆ ทันที
ทุกคนบ้างยำเกรง บ้างสนใจ ต่างแลมองพิจารณา
เพียงแต่เมื่อพวกเขาเลื่อนสายตาไป ก็รู้สึกเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังจับจ้องตนอยู่
ถึงจะอยู่ใต้การคุ้มครองของประมุขปฐวีหรือเรือนภาบัวแดง ทว่าทุกคนก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่าง อวัยวะภายในเหมือนมอดไหม้ คล้ายอยู่ในนรกเพลิงผลาญก็ไม่ปาน
คนส่วนใหญ่ความจริงล้วนรู้สึกประหลาดใจ
แม้ว่ากษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับในสามกษัตริย์ ซึ่งเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่งบนโลกซ้อนโลก จะเคยเป็นราชันพระเสาร์กับราชันพระเกตุในเก้านพเคราะห์เมื่อครั้งอดีต แต่ฉายาเก้านพเคราะห์ที่แล้วมาเป็นเรื่องเล่าขาน ช่างดูแปลกหน้าและอยู่ห่างไปไกลแสนไกล
ทุกคนเคยชินกับโครงสร้างอันสูงส่งของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ แต่บัดนี้กลับเกิดยอดฝีมือที่เทียบได้กับจักรพรรดิคนหนึ่ง ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นธรรมดา
และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ นี่ไม่ใช่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน แต่เป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง!
อาวุธที่มีความรู้สึกนึกคิด และเคลื่อนไหวได้เองชิ้นหนึ่ง
แต่อาวุธชิ้นนี้กลับเป็นอาวุธของราชันพระอังคาร หนึ่งในเก้านพเคราะห์
ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจ และเปี่ยมไปด้วยสีสัน
สายธารประวัติศาสตร์ที่ค่อยๆ เงียบงันลง สุดท้ายก็เหมือละอองคลื่นที่พลิกขึ้นมาอีกครั้ง
และยอดฝีมือที่โผล่มาอย่างกะทันหันผู้นี้ กลับนัดสู้กับจักรพรรดิแพรงาม ก่อเกิดเป็นการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่ไม่เคยปรากฏมานานกว่าพันปี
นี่ไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสงครามที่ใช้ดาบจริงหอกแท้ มันจึงย่อมดึงดูดสายตาของคนบนโลกซ้อนโลก
ในตอนนี้ทวนพระอังคารมาถึงแล้ว ทุกคนต่างเริ่มคาดหวังให้อีกฝ่ายที่นัดสู้มาถึงด้วยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือคารวะเถาอวี้ด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ข้าได้มาสัมผัสเรื่องยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง รู้สึกโชคดียิ่ง ขอขอบคุณความใจกว้างของพรรคท่านมา ณ ที่นี้ด้วย”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย ข้ายังไม่ได้พบจักรพรรดิแพร รู้สึกเสียดายมาโดยตลอด หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าหากจักรพรรดิแพรมีเวลาว่าง หวังว่าจะได้ไปคารวะสักครั้งตามความตั้งใจของข้า รบกวนเทพธิดาเป็นผู้ส่งต่อแล้ว”
ว่าแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็บอกลาและลงเรือนภาบัวแดงทันที
เถาอวี้มองเงาหลังของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองทวนพระอังคารที่อยู่ห่างออกไป สุดท้ายได้แต่ถอนใจอย่างอับจนหนทาง
เยี่ยนจ้าวเกอพอลงเรือก็เห็นว่าห่างออกไปมีเงาคนสายหนึ่งปรากฏขึ้น และเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เป็นฟู่ถิงนั่นเอง
หลังจากไปคารวะประมุข และทราบว่าคนจากยอดเขาอัศจรรย์ที่นำกลุ่มมาควบคุมสถานการณ์ของจักรพรรดิแพรในครั้งนี้เป็นเถาอวี้ นางก็จิตใจเต้นระทึก
ตามมารยาทแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอในเมื่อมาถึง ย่อมต้องไปคารวะคนจากยอดเขาอัศจรรย์ที่เป็นผู้ดูแล
พอคำนวณเวลาดู เยี่ยนจ้าวเกอสมควรขึ้นเรือไปแล้ว ฟู่ถิงต่อให้คิดจะห้ามปรามก็ไม่ทันกาล
หลังจากนางเข้าใกล้เรือนภาบัวแดงแล้ว นางก็หยุดเดิน
พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอลงมาจากเรือนภาบัวแดง นางถึงค่อยก้าวเท้าอีกครั้ง
ไม่ใช่เพราะนางต้องการให้เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญกับเถาอวี้คนเดียว ตรงกันข้าม เยี่ยนจ้าวเกอหากเข้าพบเถาอวี้คนเดียว เรื่องราวยังคงมีพื้นที่ให้หลบเลี่ยง เถาอวี้สามารถหาโอกาสทอดบันไดให้ลง
สำหรับอาจารย์อาผู้นี้ของตน ความจริงฟู่ถิงมีความรู้สึกซับซ้อนเช่นกัน แน่นอนว่านางรู้จักนิสัยของเถาอวี้เป็นอย่างดี
ถ้าหากฟู่ถิงอยู่ด้วย เถาอวี้อาจจะดื้อรั้นถึงที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฟู่ถิง เขาก็พลันเข้าใจ กล่าวในใจว่า ‘เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง’
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นัก ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณชายเยี่ยนโปรดให้อภัยด้วย” ฟู่ถิงพอพบหน้าก็พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด ครันเห็นท่าทีชายหนุ่มคล้ายไม่เหมือนคนที่โดนเล่นงานมา นางก็ผ่อนลมหายใจ
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร เทพธิดาสสารกำเนิดไม่ใช่คนไม่รู้จักหนักเบา”
“เมื่อครู่ข้าเห็นศิษย์พี่มู่จากเขาโถงทอง คุณชายเยี่ยนต้องการไปสบทบกับเขาหรือไม่” ฟู่ถิงเอ่ยถาม
“กำลังคิดเช่นนี้อยู่พอดี” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี