สือจวินที่อยู่ในโลกผืนสมุทรค่อนข้างนาน และขยันฝึกฝนไม่เคยเกียจคร้าน วันนี้ก็มีพลังฝึกปรือไม่น้อยแล้วเช่นกัน
ในหมู่คนหนุ่มสาวของเขากว่างเฉิง สือจวินถูกจัดอยู่ในแถวหน้า
โดยเฉพาะสิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ เขายังเป็นลูกศิษย์ของสวีเฟย ซึ่งความจริงแล้วตอนนี้เขาถือเป็นลูกศิษย์รุ่นที่สี่ของเขากว่างเฉิง
ปัจจุบันเขาไม่เพียงแต่ยึดครองอันดับหนึ่งในหมู่ลูกศิษย์รุ่นที่สี่เท่านั้น แต่ยังถึงขั้นเหนือกว่าผู้อาวุโสจำนวนมาก
ในกลุ่มลูกศิษย์รุ่นที่สามของเขากว่างเฉิง นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง สวีเฟยที่นำหน้าไปไกลแล้ว ก็มีแต่ซือคงจิงที่เหนือกว่าเขา
อิงหลงถูมีพรสวรรค์มากกว่า แต่เวลาในการฝึกฝนค่อนข้างน้อย ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันจึงเท่ากับสือจวิน
หลังจากมาถึงโลกซ้อนโลก สือจวินก็ไม่ได้ผ่อนคลาย กลับพยายามมากขึ้น ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ หยวนเจิ้งเฟิง และสวีเฟยต่างชื่นชม
ยามนี้ แส้ปัดเก่าโทรมที่อยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือสิ่งที่สือจวินได้มาโดยบังเอิญ ตอนที่เดินทางอยู่ด้านนอกเมื่อหลายวันก่อน
‘อืม พวกอาจารย์ปู่แยกแยะได้ถูกต้อง มีการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์แฝงอยู่ด้านในหลายส่วนจริงๆ’ เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาแส้ปัดอันนั้น พบว่าปราณวิญญาณที่อยู่ด้านในเบาบางยิ่ง ยากจะแสดงประโยชน์ออกมา
กระนั้นลวดลายบนผิวของแส้ปัดเชื่อมต่อกันเป็นตราอาคมสายหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้รับความเสียหากมาก แต่ก็ยังพอมองเบื้องหลังออกอยู่หลายส่วน
แส้ปัดนี้เคยเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง
แต่ว่านั่นกลายเป็นอดีตไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้ววาดบนแส้ปัดที่เสียหาย ‘ในเมื่อตอนนี้โอกาสยังไม่สุกงอม เช่นนั้นได้แต่อดทนคอย รอให้ที่อยู่นั้นปรากฏขึ้น ค่อยคิดหาแผนการ’
หลังจากเข้าที่พักแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มขบคิดปัญหาในการฝึกฝนของตัวเอง
การชมดูการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรงามและทวนพระอังคารในครั้งนี้ แม้จะได้ดูแค่ครึ่งเดียว แต่ว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอนับเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ายิ่ง
เทียบกับจอมยุทธ์ที่ชมดูการต่อสู้ส่วนใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอได้ประโยชน์มากกว่า
การปะทะกันระหว่างคัมภีร์เบิกนภา การสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ และวรยุทธ์ก่อนกำเนิด การสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ ทั้งก่อเกิดทั้งกดข่ม
นอกจากฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดแล้ว วรยุทธ์อื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยมีมาก่อน
ทว่าเขาที่ฝึกฝนสามพิสุทธิ์ร่วมกัน แค่ได้ชมดูการต่อสู้ที่มีมาตรฐานสูงครั้งนี้ ก็ยังคงได้รับประโยชน์เหลือล้น
ในด้านการศึกษาวรยุทธ์ของตัวเอง ยังเกิดการบรรลุใหม่ๆ มากมาย
จอมยุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เริ่มหลอมเปลี่ยนจุดลมปราณซ่อนเร้นจุดลมปราณลับมากมายให้กลายเป็นเทวะ ประสานเสียงกับดวงดาวที่แท้จริงในจักรวาล
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่มีการสั่งสมเปี่ยมล้นแล้ว กระบวนการนี้ไม่ยาก
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร
วันคืนเคลื่อนคล้อย พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองปี
การฝึกฝนเป็นเวลาสองปีของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นไปอย่างราบรื่น
ขอแค่หลอมจุดลมปราณลับจุดแรกเป็นเทวะ มีจุดเริ่มต้นที่ดี อยู่บนลู่ทางที่ถูกต้อง ต่อจากนี้ทุกอย่างก็จะไหลมารวมกัน
ดังนั้นสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เรื่องนี้จึงไม่เปลืองแรงของเขานัก ขอแค่อดทนเดินไปด้านหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคงก็เพียงพอแล้ว
แต่ว่าต่อจากนั้น เขาก็ต้องเจอกับอุปสรรคหนึ่ง
อุปสรรคในการเลื่อนจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ไปถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด คือการก้าวขึ้นสะพานเซียน เลื่อนจากขั้นเทวะสำแดงเป็นขั้นสะพานเซียนระยะต้น
หลังจากขึ้นสะพานเซียน จอมยุทธ์จึงค่อยนับว่าได้เริ่มเดินเข้าหาประตูเซียนอย่างแท้จริง
ต้องผ่านความเพียรที่ต้องลำบากสาหัส ใช้พรสวรรค์ ความแน่วแน่ และวาสนาอันยิ่งใหญ่ บรรลุถึงเบื้องหน้าประตูเซียนในตอนท้าย แล้วลองผลักเปิดมันดู
ก่อนขั้นสะพานเซียน จอมยุทธ์ในขั้นเทวะสำแดงล้วนพยายามหลอมจุดลมปราณให้กลายเป็นเทวะ ทำให้จุดลมปราณทั่วร่างของตนเหมือนกับดวงดาวที่แท้จริง บุกเบิกจักรวาลอันเก่าแก่ในร่างของตัวเอง
แต่ว่าแค่การหลอมจุดลมปราณเป็นเทวะ และการประสานเสียงกับดวงดาวที่แท้จริง ยังต่างชั้นกับการบุกเบิกจักรวาลในร่างมาก
มันเป็นแค่การวางรากฐาน เตรียมตัวสำหรับวันที่จะมาถึงเท่านั้น
หลักการที่ง่ายดายที่สุด คือการขึ้นลงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และการก่อเกิดของกลุ่มดาวในจักรวาลที่แท้จริงบนฟากฟ้า ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนไปมาไม่หยุดพัก
ด้านในนี้มีกลไกลี้ลับ มีแบบแผน มีวงโคจร มีดาราจักร มีการเกิดดับ ไหนเลยจะเป็นเช่นเดิมตลอดกาล หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ไม่เปลี่ยน คืออัคคีไฟที่ผู้คนจุดขึ้น ไม่ใช่ดวงดาวบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี