ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 959

สำหรับผู้อาวุโสเขาสามขาแล้ว ปัญหาที่โผล่มาอย่างฉุกละหุกตรงหน้ายังไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุด

สิ่งที่เขากังวลและหวาดกลัวที่สุด คือเยี่ยนจ้าวเกออาจจะไล่ตามมาต่างหาก

ในตอนที่หนีก่อนหน้านี้ เขารีบร้อนเป็นพิเศษ ใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการหนีเอาชีวิตรอด

เขาจึงลืมไปว่าตนจับคนผู้หนึ่งไว้ ขณะอยู่บนเทือกเขาเสียงระรัวบนเขตตะวันอาคเนย์ด้วย

ตอนนั้นเขาทำลายตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนีในเทือกเขาเสียงระรัว พร้อมกับเจ้าสำนักและยอดฝีมือเขาสามขาคนอื่นๆ ได้แส้ปัดหักครึ่งมาครอง จึงเข้าไปในที่อยู่ของอารามเอกนิกายได้

ตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนีถูกทำลาย มีแต่เด็กน้อยที่มีชื่อว่าเซี่ยกวงตรงหน้านี้เท่านั้นที่รอดชีวิต เพราะคุณสมบัติร่างกายของเขามีความพิเศษ แล้วจับเป็นมาเช่นนี้

เขารับคำสั่งให้คอยดูแลอีกฝ่าย แต่เดิมทีก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

มิคาดต่อมาเรื่องราวเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เขาสามขาของเขาแทบจะพินาศในอารามเอกนิกายจนหมดสิ้น เขายเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องหนีอย่างรีบร้อน

สุดท้ายเซี่ยกวงกลับหลุดออกมาได้

ในยามปกติ มาตรแม้นว่าเซี่ยกวงจะพิเศษกว่านี้ ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นี้ก็ไม่นำมาใส่ใจ

ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็มีระดับพลังฝึกปรือต่างกันเกินไป

ทว่าหนามที่ตำตานี้ กำลังจะปลิดชีพเขาแล้ว

“ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บก่อน ไหนเลยจะมีที่ให้เด็กน้อยเช่นเจ้าโอหัง?”

ตอนนี้เพราะถูกเซี่ยกวงพัวพันไว้นาน นิสัยดุร้ายของผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นจึงถูกกระตุ้นขึ้น

เขาลงมือโจมตีเซี่ยกวงสุดกำลัง หวังจะกำจัดอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาตนอีก

เมื่อไม่มีคนหนุ่มอาภรณ์แดงที่เหมือนกับคนเสียสติตรงหน้าคอยพัวพัน เขานับว่าสามารถหนีต่อได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าจินตนาการโดยสิ้นเชิง ว่าหากตนถูกเยี่ยนจ้าวเกอไล่ตามทันเข้า สุดท้ายแล้วเขาจะมีจุดจบอย่างไร

แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังลดลงอย่างใหญ่หลวง แต่เมื่อเขาลงมือสุดกำลัง เซี่ยกวงก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันทันที

กระนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

ตอนนี้หัวสมองของเขามีแค่ความคิดเดียว

ศัตรูไม่ตาย ก็เป็นข้าที่ม้วย!

“มาดูว่าผู้ใดจะตาย!” เสียงคำรามดังขึ้น เหมือนกับฟ้าร้องบนที่ราบ

เซี่ยกวงรักษาพิธีอัสนีโลหิตต่อ ใช้อายุขัยของตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยน เผาไหม้โลหิตอัสนีของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ลวดลายสายฟ้าที่น่ากลัวยามนี้แผ่ไปทั่วร่างของเขา เปล่งแสงโลหิตสีแดงก่ำ ส่งเสียงคำรามปานฟ้าร้อง สั่นสะเทือนแก้วหู

พลังอันคลุ้มคลั่งถูกกระตุ้นไม่หยุดยั้ง กลายเป็นแสงโลหิตที่เหมือนทั้งสายฟ้า เหมือนทั้งดาบ ไม่ถอยหรือหลีกหนี โจมตีใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรง

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นใช้หนึ่งฝ่ามือฟาดเซี่ยกวงจนเลือดกระเซ็น

คมดาบของเซี่ยกวงถูกเขาขวางไว้ แต่ว่าเพราะการปะทะกันของพลัง อาการบาดเจ็บเก่าที่เยี่ยนจ้าวเกอได้สร้างไว้ก็พลันออกฤทธิ์อีกครั้ง

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นี้กระอักเลือดออกมาเช่นกัน

‘ไม่ได้ สู้กับเด็กเสียสติผู้นี้ต่อไม่ได้อีกแล้ว’ เขาเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ตระหนกลนลาน

พอเห็นเซี่ยกวงไม่สนอาการบาดเจ็บของตัวเอง กัดฟันโจมตีมาอีกครั้ง ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นก็ตาเป็นประกาย ยกสองฝ่ามือขึ้น แล้วผลักออกไปด้านหน้า

แสงอาทิตย์สีทองไร้ขอบเขตสาดส่องไปทั่วฟ้าดิน อีกาทองอาทิตย์สองตัวโผล่ขึ้นพร้อมกัน บินโถมเข้าไปหาเซี่ยกวง!

“เจ้าคิดหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะส่งเดรัจฉานน้อยเช่นเจ้าลงไปอยู่กับครอบครัวเอง!”

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นตวาดเสียงดุดัน หมายจะใช้พลังทั้งหมดสังหารเซี่ยกวงใต้ฝ่ามือตนเอง

เซี่ยกวงเบิกสองตา ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เข้าปะทะตรงๆ ใช้โจมตีสู้โจมตี

พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง สุดท้ายผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นถึงกับสู้ไม่ได้ ถูกกระแทกลอยหวือออกไป

สีหน้าของเซี่ยกวงเปลี่ยนแปลง เขาสัมผัสได้ถึงพลังฝ่ามือเมื่อครู่ของคู่ต่อสู้ จึงไม่ได้ใช้กำลังหักหาญ แต่ใช้ฝีมืออันแยบยล

เซี่ยกวงไม่ได้ตกใจ พิธีอัสนีโลหิตของตนจะต้องจ่ายด้วยข้อแลกเปลี่ยนอะไร ตนเข้าใจดีที่สุด

ไม่จำเป็นต้องส่องกระจก เขาก็ทราบว่ารูปร่างภายนอกในตอนนี้ของตน เกรงว่าจะชราลงมาก

เมื่อครู่ที่ใช้พิธีอัสนีโลหิต แม้เวลาจะมีจำกัด แต่ก็ทำให้อายุขัยเขาลดลงไปมาก

หากใช้ความแข็งแกร่งในระดับสูงและต้องคงเวลาไว้อย่างเมื่อครู่อีกครั้ง อายุขัยของตนเกรงว่าจะถึงขีดสุดกระมัง?

เซี่ยกวงกำหมัดแน่น

ผู้อาวุโสเขาสามขาคนเมื่อครู่ เป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง

ส่วนยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน เขาสามขาก็มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน

ครั้งนี้เพื่อที่อยู่ของอารามเอกนิกาย แม้ว่ายอดฝีมือของเขาสามขาจะถูกส่งมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องเหลือกองกำลังที่มากพอไว้คุ้มครองสำนัก

ตนเองแม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงที่ได้รับบาดเจ็บหนักเพียงคนเดียวยังฆ่าไม่ได้ คิดจะแก้แค้นขึ้นมา จะต้องลำบากขนาดไหนกัน

เซี่ยกวงไม่กลัวความลำบาก ศัตรูต่อให้เก่งกล้ากว่านี้ก็ไม่อาจข่มขู่เขาได้

แต่ว่าสิ่งที่สร้างความกังวลให้แก่เขาก็คือ เขาอาจจะมีเวลาไม่พอ…

‘พี่ใหญ่ พี่หญิงใหญ่…’ เซี่ยกวงรู้สึกตัว ‘ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรแล้ว พวกเขาเดินทางไปข้างนอก จะได้ข่าวว่าตระกูลเกิดเรื่องบ้างหรือไม่ ข้าควรหาวิธีติดต่อกับพวกเขาถึงจะถูก เพื่อไม่ให้พวกเขาประสบมืออำมหิตของเขาสามขา’

เซี่ยกวงมองรอบๆ อย่างสับสน ‘ที่นี่ไม่ใช่เทือกเขาเสียงระรัวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นที่ใด แล้วข้าควรจะตามหาพี่ใหญ่กับพี่หญิงใหญ่อย่างไร’

เขาเกิดความรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง พลันนึกถึงคนที่ผู้อาวุโสเขาสามขาคนนั้นกล่าวถึงเมื่อก่อนหน้า ‘เยี่ยนจ้าวเกอ…เหมือนเคยได้ยินคนในตระกูลพูดถึงชื่อนี้มาก่อน ทั้งยังบอกว่าเขามีอายุน้อยคล้ายคลึงข้า แต่กลับเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงแล้ว เป็นอัจฉริยะสะท้านฟ้าแท้ๆ’

‘เมื่อครู่โจรเฒ่านั่นเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ ข้าถึงได้มีโอกาส’

เซี่ยกวงอดเหม่อลอยไม่ได้ ‘เขาผู้นั้นเป็นคนประเภทใดกันแน่’

ในชั้นเมฆ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งบนหลังพ่านพ่าน จับคอของผู้อาวุโสเขาสามขาที่หนีไปเมื่อครู่ กำลังมองเซี่ยกวงที่อยู่บนพื้นอย่างสนอกสนใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี