เยี่ยนจ้าวเกอมีท่าทีผ่อนคลายยิ่ง ทว่าดวงตาของจอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นกลับเหมือนกำลังมองคนเสียสติคนหนึ่งอยู่
“เจ้า…เจ้า…” ครู่ต่อมา อีกฝ่ายถึงค่อยได้สติ แต่กลับหัวเราะอย่างเดือดดาล “เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่”
“ยังไม่พูดถึงว่านักพรตตงเฉวียน ผู้ครองเขามหาวิญญาณมีพลังล้ำเลิศ เป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่มากประสบการณ์ เขามหาวิญญาณยังมียอดฝีมืออยู่หนาแน่นดุจหมู่เมฆ ครั้งนี้ในงานชุมนุมที่เทือกเขาสันติภาพยังมียอดฝีมือมากกว่าครึ่ง” จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นยิ้มอย่างเย็นชา “แม้จะเป็นด้านนอกเขาสันติภาพ ทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณก็มียอดฝีมือจำนวนมากกำลังรับคำเชิญมุ่งหน้ามาเช่นกัน!”
“อย่าว่าแต่เจ้ายังอยู่ในขั้นเทวะสำแดง แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสักคนก็ต้องระวังตัวเช่นกัน”
“ตอนนี้บนเขามหาวิญญาณนอกจากการชุมนุมกันของยอดฝีมือแล้ว พวกนักพรตตงเฉวียนยังได้เปรียบด้านชัยภูมิด้วย!”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ในเมื่อเป็นอย่างที่ท่านพูด ก็ไม่ใช่ต้องการให้ข้าไปหาที่ตายเองย่อมประเสริฐสุดหรอกหรือ อุตส่าห์เผยความลับและความแข็งแกร่งของเขามหาวิญญาณในปัจจุบันออกมาแล้ว เกิดข้าไม่ไปขึ้นมา ท่านจะทำอย่างไร”
จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นพูดไม่ออก
ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ตนเพิ่งทำเรื่องโง่เขลาลงไป
มิพักเอ่ยว่าขู่ให้เยี่ยนจ้าวเกอถอยไปสำเร็จ ต่อให้ชายหนุ่มตัดสินใจจะไปต่อ ตนก็ได้เผยความลับของเขามหาวิญญาณออกมา ทำให้เขาป้องกันและหาวิธีรับมือได้ก่อนแล้ว
การกระทำเช่นนี้เป็นการช่วยเหลือศัตรูโดยแท้
ความจริงแล้วเขาเข้าใจหลักการดี แต่พอเห็นท่าทียโสโอหังของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็อดโมโหขึ้นมาจนอยากจะทำลายความเหิมเกริมของอีกฝ่ายไม่ได้
ยามนี้พอรู้สึกตัว คนผู้นี้ค่อยปิดปากไม่กล่าววาจาอีก เพียงแต่ยังรู้สึกคับข้องอยู่ดี
“นำทางเสียดีๆ เถอะ ยังไงข้าก็ยินดีเชือดท่านทิ้งอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยหาคนอื่นมาแทนก็ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ “ในเมื่อเขามหาวิญญาณเป็นยอดเขาหลักที่อยู่ทางเหนือของเทือกเขาสันติภาพ คนที่รู้จักเส้นทางก็น่าจะมีไม่น้อย”
จอมยุทธ์ทิศใต้ผู้นั้นได้ยิน จิตใจก็พลันเกิดความหนาวเหน็บ
เขาคิดในใจอย่างดุร้ายว่า ‘ในเมื่อเจ้าโอหังไม่รู้จักเก็บความคมกล้า หยิ่งผยองไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ข้าจะพาเจ้าไปเขามหาวิญญาณ ให้ยอดฝีมือที่อยู่ที่นั่นจัดการเจ้าเสีย!’
พอคิดถึงตรงนี้ คนผู้นั้นก็ปลุกปลอบจิตใจตนเอง เอ่ยว่า “มีความกล้าก็ตามมา”
เยี่ยนจ้าวเกอเตะเขาจนกลิ้งไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขึ้น “ไม่ต้องทำเป็นไม่กลัวแล้ว”
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่รู้จักเทือกเขาสันติภาพในเขตเพลิงทักษิณดีนัก แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน
ยอดเขาหลักของที่นี่มีอยู่สองที่ หนึ่งอยู่เหนือ ชื่อว่าเขามหาวิญญาณ อีกหนึ่งอยู่ใต้ เขาหมอกแสง
ยอดเขาแรกมีสำนักที่ชื่อว่าเขามหาวิญญาณ สำนึกที่ยึดครองตั้งชื่อขึ้นตามยอดเขา ส่วนยอดเขาหลังเป็นเป็นที่อยู่ของสำนักรัตติกาล
สำนักรัตติกาลกับเขามหาวิญญาณเป็นสองผู้ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในท้องถิ่นของเทือกเขาสันติภาพ เสือสองตัวอยู่เขาเดียวกันไม่ได้ จึงมักเกิดการต่อสู้ระหว่างกันเอง เพียงแต่ว่าทำอะไรกันไม่ได้
หลายปีมานี้ ในการต่อสู้ระหว่างทิศใต้กับตะวันออกเฉียงใต้ แม้เขาเขาสันติภาพจะอยู่ใกล้เขารอบวง ทว่าการต่อสู้ระหว่างสำนักรัตติกาลกับเขามหาวิญญาณก็ไม่ได้สงบลงแต่อย่างใด
ครั้งนี้เมื่อข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอโผล่มาในเขตตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณ และเป็นไปได้ว่าจะเข้าไปในเทือกเขาสันติภาพถูกส่งออกมา เขามหาวิญญาณก็พลันเกิดความคิด
พวกเขาจัดงานชุมนุม ด้านหนึ่งเพื่อรับมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ อีกด้านหนึ่งเพื่อฉวยโอกาสเพิ่มบารมีของตัวเอง รวบรวมสำนักอื่นๆ ในเทือกเขาสันติภาพ ยึดครองตำแหน่งผู้นำและกดดันสำนักรัตติกาล
ในงานชุมนุมครั้งนี้ นอกจากยอดฝีมือที่เคลื่อนไหวในเทือกเขาสันติภาพแล้ว ยังมียอดฝีมือจากสถานที่อื่นๆ และยอดฝีมือจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์มาด้วย
หากงานชุมนุมลุล่วงไปได้ด้วยดี ต่อให้สุดท้ายจะจับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ บารมีของเขามหาวิญญาณก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดี ทั้งยังได้คะแนนความประทับใจจากเนินต้นจักรพรรดิด้วย
ถ้าหากว่ามีการสนับสนุนจากเนินต้นจักรพรรดิ เขามหาวิญญาณก็จะมีโอกาสในการกดดันสำนักรัตติกาลได้
หลักการในนี้ เยี่ยนจ้าวเกอคิดออกได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้เจ้าสำนักรัตติกาลไม่ได้อยู่ในเทือกเขาสันติภาพ แต่กำลังเข้าฌานอยู่ใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเคลื่อนไหว ทางหนึ่งถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี