ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงตีนเขามหาวิญญาณ ด้านบนเขามีคนมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว
นักพรตตงเฉวียนผู้ครองเขามหาวิญญาณ ในฐานะเจ้าถิ่น เขาอยู่ในช่วงเวลาที่ฮึกเหิมพอดี
ผู้คุมหางเสือจากขุมกำลังส่วนใหญ่ในเทือกเขาสันติภาพ รวมถึงจอมยุทธ์พเนจรที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ล้วนรวมตัวกันที่เขามหาวิญญาณ
ก่อนหน้าวันนี้ พวกเขาใช่ว่าจะฟังคำสั่งเขามหาวิญญาณ
สถานการณ์การต่อสู้กันระหว่างสำนักรัตติกาลและเขามหาวิญญาณสองยอดฝีมือ ทำให้ขุมกำลังอื่นๆ ในเทือกเขาสันติภาพมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากมาย สามารถทำอะไรได้ตามอิสระ
ถึงแม้การเป็นนกสองหัวจะน่ารังเกียจมากที่สุด เป็นการล่วงเกินทั้งสองฝ่าย แต่ว่าก่อนที่สำนักรัตติกาลกับเขามหาวิญญาณจะมีผลแพ้ชนะ พวกเขาจำเป็นต้องชิงการสนับสนุนส่วนใหญ่
กระนั้นวันคืนที่หวังไว้ก็คล้ายกับมาถึงแล้ว
เขามหาวิญญาณคว้าโอกาส ยืมสภาวะจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ ชิงเคลื่อนไหวก่อน
สำนักรัตติกาลตกเป็นฝ่ายตามหลังก้าวหนึ่ง คิดจะแย่งชิงโอกาสกลับมาย่อมยากเป็นหมื่นเป็นพันเท่า
สำนักอื่นๆ ในเทือกเขาสันติภาพใช่ว่าจะยอมสวามิภักดิ์กับเขามหาวิญญาณ แต่ว่ายอดฝีมือจากเนินต้นจักรพรรดิมาถึงงานประชุมด้วยตัวเอง ทุกคนได้แต่ต้องยอมมา
แนวโน้มใหญ่คือเขามหาวิญญาณใช้เรื่องนี้กำหนดสภาวะของตัวเอง เพื่อกลายเป็นผู้นำยุทธภพในเทือกเขาสันติภาพ
เจ้าสำนักรัตติกาลเข้าฌานปิดตาย แต่เพื่อไม่ล่วงเกินเนินต้นจักรพรรดิ จึงมียอดฝีมือในสำนักมายังเขามหาวิญญาณ
นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกขาดูจะต่ำต้อยกว่าช่วงหนึ่ง
เพียงแต่ว่าสำนักรัตติกาลจำเป็นต้องกล้ำกลืนความคับข้องนี้ไว้ ได้แต่เคี้ยวให้แหลกแล้วกลืนลงท้องไป
ผู้อาวุโสสำนักรัตติกาลที่มาที่นี่ พอเห็นนักพรตตงเฉวียนที่ฮึกเหิม ก็อึดอัดใจจนยากจะบรรยายด้วยวาจา
เขาไม่ได้อารมรณ์ดีมากนัก คนในเขามหาวิญญาณอารมณ์ดีกว่ามาก
“ขอบคุณสหายทุกท่านที่มาที่นี่เพื่อร่วมมือกันทำภารกิจใหญ่ในวันนี้” นักพรตตงเฉวียนนั่งบนที่นั่งประธาน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “งานชุมนุมในครั้งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใด ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่ามีจอมยุทธ์ตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ อยู่ในบริเวณตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณของพวกเรา”
“คนหนุ่มผู้นี้เคยสังหารลูกศิษย์ของเนินต้นจักรพรรดิ มีโทษสถานหนัก ตายไปก็ไม่พอชดใช้ เพียงแต่ว่าเขาเจ้าเล่ห์เพท์ทุบาย ก่อนหน้านี้จึงไม่มีโอกาสสังหาร”
“ครั้งนี้เขามาหาที่ตายในเขตเพลิงทักษิณของพวกเราด้วยตัวเอง พวกเราจอมยุทธ์ทิศใต้ล้วนสมควรปลุกปลอบกำลังใจ สังหารเขาทิ้งเสีย แล้วจึงค่อยปลอมประโลมวิญญาณของผู้ตายที่อยู่บนสวรรค์ได้”
นักพรตตงเฉวียนมองรอบๆ “ครั้งนี้ที่เชิญทุกท่านมาที่นี่ก็เพราะสาเหตุนี้ นอกจากสหายทุกท่านในเทือกเขาสันติภาพแล้ว ยังมีท่านหยวนจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ และท่านจ้าวจากพรรคกระบี่คลื่นม่วงในทะเลเจิดจ้าทางใต้”
บนที่นั่งด้านข้างนั่นไว้ด้วยชายชราผมขาวผู้หนึ่ง เขามีท่าทีเคร่งขรึม ทั่วทั้งร่างมีปราณวิญญาณสีแดงหมุนวน เหมือนกับเปลวเพลิง
ม่านตาของเฒ่าชราไม่ได้ขุ่นมัวเหมือนคนแก่ทั่วไป แต่กลับกระจ่างใสยิ่ง ขณะเดียวกันในลูกตาดำก็มีเงาแสงของหงส์เพลิงกระพือปีกอยู่เลือนราง
รูปร่างภายนอกของเขาดูชรายิ่งกว่าราชาอัคคีเผิงเฮ่อเสียอีก แต่ความจริงแล้วกลับมีวัยวุฒิน้อยกว่าเผิงเฮ่อ
คนผู้นี้มีชื่อว่าหยวนเสี่ยนเฉิง ฉายา ‘เนตรหงส์’ เป็นศิษย์เอกของประมุขทักษิณจวงเซิน มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่อยู่บนโลกซ้อนโลก
ตอนที่ตะวันออกเฉียงใต้กับทิศใต้ยังไม่ได้ฉีกหน้ากันโดยสิ้นเชิง ก็มีการกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา
กำลังหลักของแต่ละฝ่าย ก็คือหลงฮั่นหัว ศิษย์เอกทางตะวันออกเฉียงใต้ที่ในตอนนั้นยังใช้แซ่หลิน รวมถึงหยวนเสี่ยนเฉิง ‘เนตรหงส์’ ศิษย์เอกทิศใต้ผู้นี้
ถัดจากหยวนเสี่ยนเฉิงนั่งไว้ด้วยบุรุษวัยกลางคนสวมอาภรณ์ม่วงผู้หนึ่ง
บุรุษผู้นี้ไม่ใช่จอมยุทธ์จากเทือกเขาสันติภาพ แต่คือจ้าวเจิน ประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วง ขุมกำลังใหญ่ขุมหนึ่งในทะเลเจิดจ้าซึ่งอยู่ทางใต้ของเทือกเขาสันติภาพ
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณ คิดจะกลับตะวันออกเฉียงใต้ ก็ทำได้เพียงเดินทางไปยังเขารอบวงแล้ว
และหากจะเข้าไปในเขารอบวง ก็ต้องผ่านเทือกเขาสันติภาพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี