นักพรตตงเฉวียนขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่าค่ายกลคุ้มครองสำนักถึงกับกระเพื่อมเบาๆ
ประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงจ้าวเจินที่ก่อนหน้านี้เงียบงันมาโดยตลอด ตอนนี้หันไปมองหยวนเสี่ยนเฉิงจากเนินต้นจักรพรรดิ “คนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ทะลวงพรมแดนทางเขารอบวงมาได้แล้วหรือ”
คนอื่นๆ ต่างมองหยวนเสี่ยนเฉิงเช่นกัน
ถ้าหากว่าคนที่อยู่ด้านนอกเป็นเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ เช่นนั้นไฉนเขาจึงกล้ามายังเขามหาวิญญาณอย่างเปิดเผยเช่นนี้
คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวดูเหมือนจะเป็นเพราะ…มียอดฝีมือทางเขตตะวันอาคเนย์บุกเข้ามาแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบไปได้ข่าวมาจากไหน ไฉนจึงเหมือนมั่นใจว่าจะมีที่พึ่งเช่นนี้
พอคิดเช่นนี้ สีหน้าประหลาดใจของทุกคนก็ค่อยๆ สลายไป เริ่มมีความกังวลขึ้นมาแทนที่
กลับไม่ใช่เพราะกริ่งเกรงเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นเพราะกริ่งเกรงยอดฝีมือจากตะวันออกเฉียงใต้ที่ตีเขารอบวงแตก
“ไม่มีทาง อาจารย์อาจางเฝ้าเขารอบวงไว้อย่างแน่นหนา ตะวันออกเฉียงใต้คิดบุกมา นอกเสียจากว่าจะมียอดฝีมือมากมายทุ่มกำลังบุกรุกเท่านั้น” หยวนเสี่ยนเฉิงตอบอย่างสงบนิ่ง “ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราสมควรได้ข่าวแต่แรกแล้ว”
จ้าวเจินประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงพยักหน้า “เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าโจรน้อยแซ่เยี่ยนนั่นมาหาเราเพียงคนเดียวจริงๆ หรือ”
สีหน้าของทุกคนกลายเป็นประหลาดพิกล พร้อมทั้งฉายแววเหลือเชื่อออกมาบนใบหน้าอีกครั้ง
“คนหนุ่มนั่นไม่รู้เหรอว่ามีคนจำนวนมากชุมนุมกันอยู่ที่นี่” มีคนเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ
แต่ว่าต่อให้ไม่มีคนเข้าร่วมงานชุมนุม เขามหาวิญญาณก็เป็นหนึ่งในสองผู้ทรงอำนาจในเทือกเขาสันติภาพอยู่ดี
เยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในเทือกเขาสันติภาพ แต่กลับไม่ใช้ภูมิประเทศซ่อนตัว ถึงกับมายังเขามหาวิญญาณตรงๆ เช่นนี้
การกระทำเช่นนี้เหิมเกริมจนไร้ขอบเขตเกินไปแล้ว
นักพรตตงเฉวียนสูดหายใจลึก สงบจิตใจ ยืนอยู่กลางตำหนักใหญ่ แล้วผลักฝ่ามือหนึ่งออกด้านหน้า
ใจกลางฝ่ามือของเขามีลวดลายอาคมผสมผสานกันลอยขึ้นมา กลายเป็นรอยตราที่เปล่งแสงระยิบระยับ
รอบนอกเขามหาวิญญาณที่สูงเสียดฟ้าด้านมีแสงสว่างหลายสายเวียนวน ลวดลายอาคมค่ายกลที่ตอนแรกลอยขึ้นพลันนูนออกมาโดยสมบูรณ์ ผนึกตัวกันกลายเป็นของที่จับต้องได้
“ในเมื่อเขามีความกล้ามาเยี่ยมเยือนสำนัก ก็ให้เขาขึ้นมาเถอะ” หยวนเสี่ยนเฉิงนั่งบนที่นั่งไม่เคลื่อนไหว เงาแสงหงส์เพลิงในม่านตาสองข้างเหมือนกับสว่างขึ้นเล็กน้อย
นักพรตตงเฉวียนได้ยินก็เอ่ยว่า “ท่านหยวนกล่าวมีเหตุผล เป็นข้าใจแคบแล้ว”
เขาพูดพลางชักฝ่ามือกลับ ค่ายกลคุ้มครองสำนักที่ครอบคลุมเขามหาวิญญาณหายไป
“ในเมื่อมาแล้ว กล้าขึ้นเขาหรือไม่” เขาพูดพลางทรุดนั่งลงบนที่นั่งประธาน
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ กล่าวว่า “เจ้าบ้านอยู่ที่บ้านย่อมประเสริฐสุด ไม่เช่นนั้นข้าผู้แซ่เยี่ยนคงกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ”
จอมยุทธ์ทิศใต้ในตำหนักใหญ่ต่างก็กลอกตาขาวในใจอย่างพร้อมเพรียง
หากเขาไม่นับเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เช่นนั้นยังมีใครเป็นแขกไม่ได้รับเชิญอีก
…แต่ก็ไม่ถูก แม้นักพรตตงเฉวียนมีแผนของตัวเอง แต่เพื่อรับมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ งานชุมนุมนี้จึงค่อยถูกจัดขึ้น
ทุกคนสงบจิตใจ สายตามองประตูตำหนักใหญ่
พวกเขาตอนนี้รู้สึกสนใจคนหนุ่มที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าผู้นั้นยิ่ง
แม้ว่าจะได้รับข่าวว่าตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางออกจากเขายาวเหยียด ผ่านสถานที่มากมายในเขตเพลิงทักษิณ ก็ไม่มีจอมยุทธ์จากที่ไหนขัดขวางได้
แม้แต่ที่ราบกว่างเย่ว์ที่อยู่ติดกับเทือกเขาสันติภาพ ก็ส่งข่าวการทำตามอำเภอใจของเยี่ยนจ้าวเกอมาให้รับทราบ
แต่เมื่อไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง ไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง เรื่องหลายเรื่องผู้คนก็มักยากจะเชื่ออย่างแท้จริง
นักพรตตงเฉวียนนั่งอยู่ในตำหนักใหญ่ในเวลานี้ไม่ได้ใช้ค่ายกลคุ้มครองสำนัก
ทว่าจอมยุทธ์เขามหาวิญญาณคนอื่นๆ รู้สึกไม่พอใจเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่คิดจะให้เขาขึ้นเขาง่ายดายเช่นนี้
ขณะที่ปีนขึ้นเขา จอมยุทธ์เขามหาวิญญาณจำนวนมากอาศัยชัยภูมิ วางค่ายกลมากมาย คิดแสดงบารมีให้เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็น
นักพรตตงเฉวียนได้ยินเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่าน ใช้ท่าทีอนุญาตเป็นการลับ คิดจะลองศึกษาเบื้องหลังของเยี่ยนจ้าวเกอดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี