เมื่อฝ่ามือหนึ่งตบลงไป ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับมีภาพที่น่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้น
คล้ายกับเขาสามารถมองเห็นภาพของท้องฟ้า ผืนดิน บรรยากาศ หมู่มวลเมฆอยู่บนตัวของเยี่ยจิ่ง
โชคมาถึงฟ้าดินล้วนมอบพลัง ชะตากรรมในใต้หล้าต่างรวมตัว
หลังจากฝ่ามือหนึ่งของตนตบลงไป แสงเงาเปลี่ยนเป็นภาพมายา และฟ้าดินลมเมฆที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ค่อยๆ สลายไป
“โชคมาถึงฟ้าดินล้วนมอบพลัง ทว่าวีรบุรุษตกที่นั่งลำบากเมื่อไร้โชค” เยี่ยนจ้าวเกอลอบยิ้ม แล้วเป่าลมไปที่ภาพลวงนั้นเบาๆ ครั้งหนึ่ง
ภาพมายาเหล่านั้นก็สลายหายไปราวกับหมอกควัน
หลุมลึกที่อยู่ตรงหน้ายังคงพังทลายลงไปต่อเนื่องไม่หยุด ส่วนเยี่ยจิ่งถูกฝ่ามือหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอบดขยี้จนกลายเป็นเศษเถ้า เหลือเพียงแค่แหวนสีแดงเข้มทรุดโทรมวงนั้น ซึ่งกำลังตกลงไปในแม่น้ำใต้ดิน
“สลายหายไปทั้งแบบนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนดั่งดวงตะวันอีกครั้ง มาไขว่คว้าโอกาสเป็นยอดฝีมือจนเกิดเป็นตำนานอีกครั้งเมื่อไร…”
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกครั้งหนึ่ง “…เหอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอกางนิ้วมือทั้งห้าออก บังคับปราณจิตราดึงแหวนสีแดงเข้มขึ้นมาไว้ที่กลางฝ่ามือของตน
เมื่อชายหนุ่มแตะปลายเท้าไปที่พื้นเบาๆ ร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากก้นหลุมลึกขึ้นมาด้านบน
อาหู่เข้ามาหา “คุณชาย”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้า “เก็บศพและสัมภาระของเหยียนซวี่ให้เรียบร้อย”
อีกฝ่ายยิ้มอย่างซื่อตรง “แหะๆ คุณชายขอรับ เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง ข้าเก็บสัมภาระของเขาไปตั้งแต่แรกแล้วขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “อืม ณ จุดนี้ ข้าเชื่อใจเจ้าเสมอ”
“คุณชายขอรับ เมื่อครู่ข้าลองดูคร่าวๆ แล้ว เขามีของดีไม่น้อยเลยจริงๆ!”
“แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากพังไปหมดแล้ว อย่างเช่นดาบอาวุธวิญญาณระดับกลางเล่มนั้น น่าจะเป็นเพราะการโจมตีของท่านผู้อาวุโสสือครั้งนั้นขอรับ”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงจัดการเขาได้ยากเช่นกัน”
“แต่ก็น่าจะมีของที่สามารถเก็บได้อยู่บ้างสิ” เยี่ยนจ้าวเกอตั้งสติขึ้น
ในฐานะตำแหน่งที่เป็นถึงผู้อาวุโสคุมการณ์ สมบัติส่วนตัวของเหยียนซวี่นั้นต้องมีมากมายเหลือเฟือ
ของส่วนใหญ่เขาก็คงไม่พกติดตัวเอาไว้ตลอด แต่น่าจะเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยที่บ้านพักส่วนตัวของตัวเองมากกว่า
สิ่งของที่จะพกติดตัวเอาไว้ หากไม่ใช่สิ่งของที่จำเป็น ก็ต้องเป็นของที่มีประโยชน์ในการยกระดับพลังการต่อสู้ของตนเองในปัจจุบันได้
แม้ว่าอาวุธวิเศษ และอาวุธวิญญาณจะมีอยู่น้อยนิด ทว่าเขากว่างเฉิงในฐานะที่เป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเหยียนซวี่มีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสคุมการณ์ของพื้นที่หนึ่ง อาวุธที่เหมาะสมกับระดับวรยุทธ์ของเขาก็ต้องไม่ขาดแคลนเป็นแน่
นอกจากดาบแสงคลื่นคราม ที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลางชิ้นหนึ่งแล้ว เหยียนซวี่ยังมีอาวุธวิญญาณระดับล่างอีกสองชิ้นติดตัวมาอีกด้วย
แม้ว่าอานุภาพจะแข็งแกร่งไม่เท่าดาบแสงคลื่นคราม ถึงกระนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ชิ้นหนึ่งเป็นชุดเกราะอ่อน แม้ว่าจะไม่มีคุณสมบัติที่ทั้งสามารถโจมตีทั้งป้องกันตัวได้เหมือนเช่นเกราะทมิฬของอาหู่ แต่ความสามารถในการป้องกันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย
ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นเข็มขัดสีเขียว หลอมขึ้นโดยเฉพาะในเขากว่างเฉิง เพื่อใช้ร่วมกับพลังวายุของวิชาวายุอัคคี ซึ่งสามารถทำให้ขณะที่จอมยุทธ์วิชานี้ว่องไวราวกับเสือติดปีกเลยทีเดียว
อาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นนี้อยู่ในมือของเหยียนซวี่ โดยปกติแล้วหากใช้พลังทั้งหมดจากพวกมันจะเกิดอานุภาพที่รุนแรงมหาศาล
น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเป็นเหยียนซวี่ หรืออาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นนี้ เมื่อเทียบกับพลังของสือเถี่ยแล้ว ล้วนแล้วแต่ไม่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่เหยียนซวี่คิดหลบหนีก่อนหน้านี้ เขาขับเคลื่อนพลังของเข็มขัดสีเขียวเข้าช่วย และเมื่อได้รับการโจมตีของสือเถี่ย ชุดเกราะอ่อนก็ปกป้องเขาโดยอัตโนมัติ
ผลสุดท้ายอาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นถูกสือเถี่ยทำลาย ดับสลายไปพร้อมกับเจ้าของของพวกมัน
ตอนนี้พวกมันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ปราณจิตรั่วไหลออกมาไม่หยุด อย่าว่าแต่ใช้การไม่ได้เลย ลำพังสภาพที่เห็นก็แทบจะพังทลายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
ระดับความเสียหายที่พวกมันได้รับ หนักหนาสาหัสกว่าดาบแสงคลื่นครามเสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดเกราะอ่อนชุดนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถแสดงอานุภาพได้ ทว่ามันก็ถูกทำลายไปส่วนหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่อาหู่ใช้ฝนสุริยะโจมตีเหยียนซวี่ก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี