จ้าวเจินคิดจะหนีไป ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่คิดจะปล่อยเขา ไล่ตามไปทันที
ประกายกระบี่ปรากฏขึ้น เหมือนกับกระแสเวลาพาดขวางกลางมิติ ทำให้เส้นแบ่งของมิติและเวลาพร่าเลือน
เพลงกระบี่ทะเลม่วงของพรรคกระบี่คลื่นม่วงยิ่งใหญ่และตรงไปตรงมา มีพร้อมทั้งการโจมตีและการป้องกัน แต่ว่าไม่ได้สันทัดเรื่องความเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอร่างรวมกับกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน กระบี่กลายเป็นแม่น้ำ ติดตามจ้าวเจินอย่างรวดเร็ว
ตราประทับตะวันร่วงหล่น จ้าวเจินหลบหลีกจนไม่อาจหลบหลีก ได้แต่ดึงกระบี่ออกมาสู้
ครั้งนี้เขายังคงลงมือโดยใช้สภาวะป้องกัน เข้าโรมรันกับเยี่ยนจ้าวเกอ
พอเห็นวิธีการของจ้าวเจินคล้ายกับหยวนเสี่ยนเฉิง แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็วูบไหว เอ่ยปากถาม “พวกท่านกำลังรอผู้ใด”
จ้าวเจินได้ยินคำถามก็พลันรู้สึกตึงเครียดขึ้น
ยามนี้สีหน้าที่ฉายแววหวั่นเกรงและจนปัญญาก่อนหน้าของเขาสลายไปแล้ว กลับคืนสู่ความเยือกเย็น
“ข้าเดาว่า คนที่ไล่ตามข้าคงไม่ได้มาถึงเร็วขนาดนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็คงเป็นคนที่ตอนแรกรออยู่ด้านหน้าเหมือนกับพวกท่านแล้ว”
“หรือว่าจะเป็น…จางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ เขาออกจากเขารอบวง กำลังมาที่นี่ใช่หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่สนใจ ฝ่ายจ้าวเจินไม่ได้ตอบ เพียงแต่สภาวะกระบี่ของเขาหนักแน่นยิ่งขึ้น ดุจดั่งซ่อนเข็มในผ้าแพร
จอมยุทธ์ทิศใต้ที่เหลือได้ยินดังนั้นต่างก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมา
จางซู่เหริน ‘ต้นจักรพรรดิสะกดภูผา’ ผู้อาวุโสแห่งเนินต้นจักรพรรดิ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
หนึ่งในคนไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเขตเพลิงทักษิณ รองจากประมุขทักษิณจวงเซิน เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่มีชื่อเสียงอยู่ในโลกซ้อนโลกมานานปีเช่นกัน
จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเคลื่อนไหวอยู่บริเวณทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณในตอนนี้ เป็นผู้ดูแลจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ที่อยู่ที่นี่
หยวนเสี่ยนเฉิง ‘เนตรหงส์’ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังต้องก้มหัวให้ ไม่ว่าด้านพลังหรือวัยวุฒิล้วนด้อยกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวเจิน “พวกท่านคิดจะถ่วงเวลาข้าไว้ที่นี่รอจางซู่เหรินมากระมัง?”
“ถ้าให้ดีที่สุดคือไม่ต้องให้ต้นจักรพรรดิจางมา พวกข้าจัดการเจ้าทิ้งเสียที่นี่” ในที่สุดจ้าวเจินตอนนี้ก็เอ่ยปาก “เพียงแต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจะไม่ไหว”
เมื่อครู่เขามีความคิดหนี และเรียกหยวนเสี่ยนเฉิงให้ถอยไปด้วยกันจริงๆ
อยู่บนเขาเขียวไม่กลัวไร้ฟืนเผาไฟ
กระนั้นหยวนเสี่ยนเฉิงก็ได้บอกเขาเรื่องหนึ่งซึ่งทำให้สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนแปลงความคิด
แม้นจะไม่ได้มีหลักฐาน แต่ว่าจ้าวเจินเลือกเชื่อหยวนเสี่ยนเฉิง
ในตอนนี้เขาใช้สายตาที่แปลกประหลาดพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ตอนนี้ข้าเชื่อข่าวลือที่เจ้าเอาชนะ และไล่ล่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะกลางตอนยังอยู่ในทะเลหวงเจียแล้ว”
“โลกใบนี้ถึงกับมีคนแบบเจ้า พลังเหมือนอย่างเจ้านี้ ต่อให้เป็นบัวแดงที่เป็นบุตรีของจักรพรรดิแพรงามก็สู้ไม่ได้”
จ้าวเจินชมเชยพลางกล่าวว่า “เจ้าเป็นอันดับหนึ่งแห่งคนรุ่นหนุ่มสาวที่ผงาดขึ้นมาใหม่บนทะเลหวงเจียได้ไม่กี่ปี”
“เนินต้นจักรพรรดิบอกว่าเจ้ามาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ที่ครอบครองตราประทับตะวันเป็นเพราะวาสนาความบังเอิญ แต่ตอนนี้ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าอาจจะเป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์จริงๆ กระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น เขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เนินต้นจักรรพรรดิพูดถูกแล้ว ข้าได้ตราประทับตะวันมาเพราะวาสนาและความบังเอิญเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูด มือกลับไม่หยุดลง ฟันกระบี่หนึ่งทำลายทะเลม่วงหลายชั้น
“ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดถ่วงเวลาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “จางซู่เหรินจะมาก็ให้เขามาเถอะ ข้าไม่คิดจะหนี และจะรอเขาอยู่บนเขามหาวิญญาณแห่งนี้เอง”
“กระนั้นข้าย่อมรอเขามาถึงได้ ส่วนพวกท่านจะรอได้หรือไม่ กลับไม่แน่แล้ว”
ประกายกระบี่สีม่วงช้ำที่น่ากลัวปกคลุมฟ้าดิน ทำให้จ้าวเจินไร้กำลังโต้ตอบ
เขาในตอนนี้หลบหลีจนไม่อาจหลบหลีก ได้แต่ฝืนต้านทาน
“พวกข้ารอไม่ถึงก็ไม่เป็นไร” จ้าวเจินกล่าวเสียงทุ้ม “ขอแค่รั้งเจ้าอยูที่นี่ได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวเจิน เข้าใจความหมายของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี