ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 986

หลังจากฝากตำนานการไล่ล่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงไว้บนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ วันนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้สร้างความสะท้านสะเทือนบนเขตเพลิงทักษิณอีกครั้ง

เขาไล่ตามจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิง สองจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยระดับของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงอย่างดุร้าย เข่นฆ่าตั้งแต่เทือกเขาสันติภาพจนถึงเขารอบวง

ถ้าหากว่าเป้าหมายที่ถูกไล่ล่าเป็นคนธรรมดายังพอว่า แต่จางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงย่อมสุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

คนหนึ่งเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย โดดเด่นที่สุดในเขตเพลิงทักษิณรองจางเซินประมุขทักษิณ และผู้อาวุโสของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ที่งอนิ้วนับได้

อีกคนหนึ่งเป็นอัจฉริยะบุรุษที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง แม้แต่ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าจำนวนมากก็ยังไม่อาจไล่ล่าและทำให้เขาหนีได้

ในฐานะผู้ปกครองเขตเพลิงทักษิณ เนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ย่อมเป็นตัวตนที่เหมือนกับตำนานบนที่แห่งนี้

ทว่าในวันนี้ ชื่อเสียงของเขาได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง บารมีถูกทำลาย

เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุวิชาคุนเผิงบรรพกาลและหอกเทพสมุทรสุดขอบโลก ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลากับกระบี่ลวงเซียนจนมีผลสำเร็จ

พูดถึงด้านความเร็ว จางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงไม่มีทางสลัดหลุดจากการไล่ล่าของเยี่ยนจ้าวเกอ ได้แต่ถูกเขาไล่ตามอย่างคับข้องใจ

โชคดีที่คนทั้งสองฝึกฝนม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิง มีพลังป้องกันน่าทึ่ง จึงค่อยถอยกลับเขารอบวงได้

ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอไล่ล่าสังหารเข้าไปในพื้นที่ของเขารอบวง จิตใจของชายหนุ่มพลันสั่นไหว

วินาทีต่อมา ตรงหน้าก็มีแสงสว่างหมื่นจั้งสว่างขึ้น แผ่พุ่งไปทั่วฟ้าดิน

ในแสงสว่างที่น่ากลัวมีต้นจักรพรรดิที่มีเพลิงโหมวนเวียนอยู่รอบๆ หลายต้นผุดขึ้นจากดิน บดบังท้องฟ้า กลายเป็นป่าต้นจักรพรรดิขนาดใหญ่โตผืนหนึ่ง

เสียงร้องของหงส์สะท้อนอยู่ในป่าต้นจักรพรรดิ ไม่ได้ระคายหู แต่ช่างน่าครั่นคร้ามนัก

หลังจากจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงเข้าไปในอาณาเขตของป่าต้นจักรพรรดิสำเร็จ สภาวะก็พลันแปรเปลี่ยน

เพลิงโหมลุกโชนกระจายไปรอบๆ ม้วนพัดใส่เยี่ยนจ้าวเกอดุจคลื่นทะเล

เยี่ยนจ้าวเกอหยุดฝีเท้า เก็บตรากระบี่กาลเวลา หยิบตราประทับตะวันขึ้นมาแทนที่ แล้วปะทะกับคลื่นเพลิงตรงหน้าอย่างหักโหม

เขาเพ่งสายตามองไป เห็นจางซู่เหรินที่พุ่งลงบนต้นจักรพรรดิ บาดแผลบนไหล่ถึงกับค่อยๆ สมานตัว

กระบี่สังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอดุร้ายถึงขีดสุด เป็นปราณความสิ้นสูญที่โชติช่วงถึงขีดสุด กดข่มจอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ได้ชัดเจนโดยสมบูรณ์

ด้วยพลังฝึกปรือของจางซู่เหริน หลังจากถูกเยี่ยนจ้าวเกอแทงทำร้ายด้วยหนึ่งกระบี่ ปากแผลนั้นไม่อาจรักษาตัวเองได้

ถ้าหากว่าสามารถสงบใจและปรับลมหายใจได้ อย่างน้อยปากแผลนั้นก็ไม่เลวร้ายขึ้น

หลังจากเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ปากแผลก็อาจมีโอกาสสมานตัว

แต่เนื่องจากถูกเยี่ยนจ้าวเกอไล่เข่นฆ่ามาตลอดทาง ไม่มีโอกาสพักหายใจ แผลจากกระบี่ที่จางซู่เหรินได้รับจึงไม่เพียงแต่ไม่ทุเลา แต่กลับค่อยๆ สาหัสมากขึ้น

ทว่าตอนนี้พอได้เข้ามาในป่าต้นจักรพรรดิ อาการบาดเจ็บของจางซู่เหรินก็พลันเริ่มฟื้นฟู่อย่างรวดเร็ว

ปราณกระบี่และจิตกระบี่อันดุร้ายที่กระบี่สังหารมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอได้เหลือทิ้งไว้ตรงปากแผลของเขา กำลังถูกขจัดและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอมองค่ายกลเบื้องหน้า กวาดสายตามองต้นจักรพรรดิที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะที่แต่ละต้นต่างสูงใหญ่ ค้ำฟ้ายันดิน ร้อนแรงดุจเพลิง สูงส่งไม่เหมือนสิ่งใด ก็เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่โชติช่วงด้วยเช่นกัน

ท่าสังหารมังกรเขียวของตนสะกดม้วนคัมภีร์ร่างหงส์เพลิงของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ได้ในระดับหนึ่ง สามารถใช้อ่อนแอเอาชนะแข็งแกร่งได้

ทว่าระหว่างน้ำกับไฟ หากน้ำมากย่อมดับไฟได้ หากไฟมากย่อมต้มน้ำได้

หลังจากความแตกต่างของระดับพลังเหนือกว่าขีดจำกัดหนึ่งแล้ว สิ่งที่เรียกว่าการกดข่มจะหายไป

‘อืม สภาวะค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา’ หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสำรวจ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย

เพียงแต่ว่าพลังของเยี่ยนจ้าวเกออยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ความยากในการป้องกันรอกำลังหนุนเพิ่มขึ้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ จางซู่เหรินยิ่งไม่กล้าเสี่ยง

ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจะด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาอยู่ด้านนอก จางซู่เหรินก็ไม่คิดจะออกจากค่ายกลไปสู้กับเขา

มีปัญญาทำลายค่ายกลของข้า เช่นนี้ข้าก็จนปัญญา

หากเจ้าทำลายค่ายกลของข้าได้ เช่นนั้นก็รอพวกเผิงเฮ่อ ‘ราชาอัคคี’ ยอดฝีมือระดับสุดยอดฝั่งทิศใต้มาถึง พวกข้าค่อยคิดบัญชีทั้งหมด ถึงตอนนั้นแม้เจ้ามีความสามารถเทียมฟ้า ก็มีแต่ทางตายสถานเดียว

แม้ก่อนหน้าจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนคับข้องขุ่นแค้น ทว่ายามนี้จิตใจของจางซู่เหรินก็สงบลงโดยสิ้นเชิงแล้ว

ยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสเนินต้นจักรพรรดิ และอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าผู้นี้ ไม่มีความคิดดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกอแม้แต่น้อย ปฏิบัติกับชายหนุ่มเหมือนกับยอดฝีมือในระดับเดียวกันคนหนึ่ง

จางซู่เหรินถึงขั้นที่วางตัวเองไว้บนตำแหน่งที่ต่ำกว่า ขอแค่ตัวเองทำให้ดีที่สุด ไม่เกิดข้อผิดพลาดก็พอ

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็พอจะเดาความคิดจางซู่เหรินออกคร่าวๆ

เขายิ้มพลางส่ายศีรษะ สายตากวาดมองรอบๆ

อาหู่ถามขึ้นจากด้านข้าง “คุณชาย อีกฝ่ายทำเช่นนี้ พวกเราย่อมกลายเป็นเสือขย้ำเต่า ไม่มีที่ให้ลงเขี้ยวแล้ว”

“นั่นไม่แน่นัก” เยี่ยนจ้าวเกอยกยิ้มที่มุมปาก “ในเมื่อบอกแล้วว่าจะทะลวงกลับไป ไหนเลยจะไม่มีการเตรียมตัว”

เขาค่อยๆ ลอยขึ้น ทัศนวิสัยกว้างขึ้นกว่าเดิม เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ทั้งหมด

ภูมิประเทศสูงต่ำบริเวณเขารอบวงค่อนข้างราบเรียบ ขุนเขาทั้งหลายไม่ได้น่าหวาดเสียวเช่นเทือกเขาสันติภาพ

นอกจากแนวยอดเขาแล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือแม่น้ำขนาดใหญ่สายหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี