แม่น้ำเหลืองเก้าโค้งในตำนาน ด้านในสะกดสามไตรภาค กอปรด้วยความน่าอัศจรรย์ของฟ้าดิน
ด้านในยังมีโอสถลวงเซียนและคาถากักขังเซียน ทำให้เซียนเสียสติ พรากวิญญาณของเซียน ทำลายจุดกำเนิดของเทพเซียน รวมถึงสร้างความเสียหายต่อร่างของเทพเซียน
ในเก้าโค้งไร้เส้นตรง บิดงอความน่าอัศจรรย์แห่งธรรมชาติ เปิดเผยความลับของเทพเซียน
พวกชิงซู่จื่อกับจางซู่เหรินต่างมีความรู้ไม่ธรรมดา ในตอนนี้ได้ประสบกับความร้ายกาจของค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งนี้ด้วยตัวเอง ก็ทราบอย่างถ่องแท้ว่าค่ายกลที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญ
เทียบกับอานุภาพของ ‘เทพเซียนเข้าไปด้านในกลายเป็นคนธรรมดา คนธรรมดาเข้าไปด้านในก็ดับสูญ’ ในตำนานแล้ว ย่อมพูดได้ว่ามีดีแค่ชื่อเท่านั้น
แต่ว่าพวกเขากลับไม่มีใครที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน
ยามนี้ติดอยู่ในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง เป็นสถานการณ์ตายเก้ารอดหนึ่งโดยแท้
แค่ถูกลมโรคาและหมอกสีดำนั้นพัดใส่ วิญญาณก็ถูกการกดกร่อน เกิดความรู้สึกวิงเวียนอย่างไม่อาจควบคุม
จุดลมปราณที่เหมือนกับดวงดาวที่แท้จริงทั่วร่างถึงกับเกิดการอุดตัน
จอมยุทธ์จากขั้นเทวะสำแดงปีนขึ้นสะพานเซียน ย่างเก้าแรกคือการทำให้จุดลมปราณซึ่งได้เห็นเทวะสำแดงทำงาน มีเส้นทางการโคจรและมีแบบแผนการเคลื่อนไหวเหมือนกับดวงดาวบนฟากฟ้า
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นคิดจะเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง จะต้องทำให้จุดลมปราณในร่างดับลงเหมือนกับดวงดาวที่สิ้นสลายตามธรรมชาติให้ได้
เหมือนกับที่คนมีอายุขัย ดวงดาวก็มีอายุขัยเหมือนกัน เพียงแต่ยาวนานถึงขีดสุด ทว่าอย่างไรเสียดวงดาวก็ดับสิ้นได้เหมือนกัน
จอมยุทธ์จะหลอมจักรวาลในร่างให้ประสานเสียงกับจักรวาลที่แท้จริงนอกโลก จำเป็นต้องก้าวเท้าก้าวนี้ก่อน
จุดลมปราณจะดับสลายไปเองในตอนที่ฝึกฝน แต่ไม่ทำให้พลังของจอมยุทธ์ถอยกลับหลัง
ปริมาณบางทีอาจมีน้อย แต่คุณภาพกลับก้าวสู่ขั้นบันไดขั้นใหม่
การกำเนิดกับการดับสิ้น เป็นหัวข้อหลักที่ดำรงอยู่ตลอดกาล
จากเกิดเป็นสิ้นสุด จากนั้นก็เกิดการสร้างใหม่ วนเวียนกันเช่นนี้ ซ้ำไปซ้ำมา สอดคล้องกับมหามรรคา
สัญลักษณ์การเลื่อนจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ก็คือจะมีจุดลมปราณใหม่ที่เหมือนกับดวงดาวเกิดใหม่ถูกหลอมเปลี่ยนขึ้นมาเองในร่างของจอมยุทธ์
พอมาถึงตอนนี้ พลังฝึกปรือของจอมยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอีกขั้น ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
การเกิดและการดับสูญสลับกันไม่หยุดยั้ง อีกทั้งแบบแผนการทำงานยังมั่นคงสมบูรณ์แบบ จักรวาลในร่างของจอมยุทธ์จะใกล้เคียงกับจักรวาลที่แท้จริงมากขึ้น
ในกระบวนการนี้ ความเข้าใจที่จอมยุทธ์มีต่อหลักการของฟ้าดินและสภาพร่างกายของตัวเอง จะยิ่งถ่องแท้และล้ำลึกมากขึ้น
จนกระทั่งถึงตอนสุดท้าย พอจุดลมปราณทั่วร่างล้วนถูกหลอมเป็นเทวะราวกับเป็นดวงดาว จักรวาลในร่างประสานเสียงกับจักรวาลที่แท้จริง ก็จะมีโอกาสสำเร็จเป็นร่างของมนุษย์เซียน ก้าวสู่ระดับประมุข
เพียงแต่ว่าคิดจะทำให้ได้ถึงขั้นนี้ ถือเป็นความยากเย็นอย่างยิ่ง
จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ขนาดใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไปไม่ถึง
แต่ว่าคนที่อยู่รอบๆ ไม่ใช่ไม่มีความหวังโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะชิงซู่จื่อและหยวนเสี่ยนเฉิง ยิ่งมีความหวังค่อนข้างมาก
ทว่าในตอนนี้ พวกเขาต่างรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าพอได้รับผลกระทบจากค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง ด้านในร่างกายของพวกเขาถึงกับเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนขึ้นมา
ภายใต้ลมโรคาที่พัดโชย และหมอกสีดำที่กัดกร่อน ชิงซู่จื่อ เผิงเฮ่อ และจางซู่เหริน ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ต่างรู้สึกได้รางๆ ว่าตนเหมือนกับไม่อาจทำให้จุดลมปราณคืนชีพได้อีก
จุดลมปราณที่ดับสิ้นเมื่อไม่คืนชีพขึ้นอีก ก็เหมือนกับพลังฝึกปรือของพวกเขาลดลงไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด
หยวนเสี่ยนเฉิงกับนักพรตเชียนหลานที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดรู้สึกว่า จุดลมปราณที่ได้เห็นเทวะสำแดงของพวกเขา แม้จะยังคงโคจรอยู่ แต่ก็เปลี่ยนเป็นเชื่องช้าและอืดอาด
จุดลมปราณเมื่อไม่อาจเปลี่ยนจากเกิดเป็นดับสูญได้เหมือนกับดวงดาวที่แท้จริง ย่อมสูญเสียลักษณะเด่นส่วนหนึ่งของดวงดาวไป เหมือนกับพลังฝึกปรือตกลงสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี