หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”
“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่แสดงสีหน้า “สาวใช้ของข้าย่อมต้องเป็นข้าที่คอยสั่งสอน แม่นางหงเย้าก้าวก่ายหน้าที่ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เห็นข้าผู้เป็นพระชายาอยู่ในสายตาเท่าใดนัก”
“พระชายาทรงกล่าวเกินไปแล้วเพคะ บ่าวมิกล้า” หงเย้าพับแส้เรียบร้อย แล้วใส่กลับไปในแขนเสื้อ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มือไว ฉวยโอกาสตอนที่นางไม่ทันระวัง แย่งเอาแส้มา
“ท่านทำอะไร?” หงเย้าตกใจ ตอนที่อยากจะแย่งแส้กลับคืนมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปสองก้าว เพื่อรักษาระยะห่างกับนาง
“ข้าไม่คิดจะทำอะไร ยังคงเป็นคำถามข้อเดิม ข้าเพียงแค่อยากถามแม่นางหงเย้าว่า สาวใช้ของข้าทำผิดอันใด ถึงต้องให้เจ้ามาสั่งสอนนางเช่นนี้? ข้ายังอยากถามเจ้าอีกว่า เจ้ามาสั่งสอนสาวใช้ของข้าด้วยสถานะอันใด?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “ถ้าหากแม่นางหงเย้าไม่สามารถให้คำตอบที่ข้าพึงพอใจได้ เรื่องในวันนี้ เกรงว่าจะจบลงด้วยดีมิได้”
“พระชายา” เฟ่ยชุ่ยคลานลุกขึ้นมาจากพื้น จัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ท่านอย่าทรงเป็นกังวล...”
นางยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็ไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
“เจ้าไม่ต้องพูด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวตำหนิ “เจ้าถูกตีจนสภาพเป็นเช่นนี้ ยังบอกว่าไม่เป็นอะไร? จักต้องให้นางตีเจ้าจนตายถึงจะบอกว่าเป็นอะไรใช่หรือไม่?”
นัยน์ตาของเฟ่ยชุ่ยเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางคุกเข่าลงบนพื้น ไหล่สั่นระริกไม่หยุด
เมื่อหงเย้าเห็นเพลิงโกรธที่พลุ่งพล่านของฉินเหยี่ยนเย่ว์ เกิดความหวาดกลัวขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่ ความหวาดกลัวนี้เกิดขึ้นชั่วครู่แล้วก็มลายหายไป
นางแอบกำหมัดแน่น พระชายาผู้โง่เขลาเพียงแค่ปากแข็งเท่านั้น อันที่จริงขี้ขลาดมาก เพียงแค่นางท่าทีแข็งกร้าว แล้วนำความผิดโยนไปให้สาวใช้คนนั้น พระชายาผู้โง่เขลาก็จะหันไปทรงกริ้วสาวใช้แทน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงเงยหน้าขึ้น “พระชายาเพคะ สาวใช้ผู้นี้เดินวนไปเวียนมาอยู่ละแวกห้องครัว ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ตลอด มิรู้ว่ากำลังก่อเรื่องไม่เหมาะสมอะไร บ่าวยังได้ยินพวกคนใช้พูดว่า นางมักจะแอบออกไปข้างนอก มักจะนำสิ่งของจำนวนหนึ่งกลับมาด้วยทุกครั้งเพคะ”
“ชื่อเสียงจวนอ๋องของพวกเราเดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้วเพคะ หากยังไม่ระมัดระวัง ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องเสียหายอะไรแพร่งพรายออกไปอีก ที่บ่าวทำเช่นนี้เพราะนึกถึงชื่อเสียงของจวนอ๋อง พระชายาเพิ่งจะเสด็จมาที่นี้ได้ไม่นาน ไม่สามารถดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ทั่วถึง บ่าวอยู่ที่จวนอ๋องนี้มานานแล้ว เกรงว่าถ้ามีข่าวลือที่ไม่ดีแพร่งพรายออกไปอีก จะทำให้สถานการณ์ของท่านอ๋องยิ่งแย่ลงเพคะ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าใจความเหน็บแนมในคำพูดของหงเย้า สตรีผู้นี้ เพียงแค่ต้องการเหน็บแนมข่าวอื้อฉาวที่นางก่อขึ้นตอนอภิเษกกับตงฟางหลีเท่านั้น
นางจ้องเขม็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ความเย็นเยือกกลุ่มนั้น ทำให้หงเย้ารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“เนื่องด้วยเหตุนี้?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เสียงเบา ไร้ความรู้สึก “แม่นางหงเย้า ตีสาวใช้ของข้าเนื่องด้วยเหตุนี้?”
“เหตุเหล่านี้ยังไม่พออีกหรือเพคะ?” หงเย้าไม่พอใจ เมื่อเห็นว่านางหยิบยกสถานะขึ้นมา ย้อนถามด้วยจิตใต้สำนึก
“ดี ดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เยาะหยัน “ข้าจะเป็นคนบอกเจ้าเองว่า เฟ่ยชุ่ยมาที่ห้องครัว เนื่องด้วยอาหารที่ห้องครัวจัดให้ข้าล้วนแต่เป็นอาหารเหลือ นางมานั่งรอเวลาที่อาหารเพิ่งปรุงเสร็จ และจะขอนำอาหารร้อน ๆ ออกมา นี่คือข้อที่หนึ่ง ข้อสอง ที่เฟ่ยชุ่ยออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เป็นเพราะช่วยซื้อยารักษาแผลฟกช้ำให้ข้า”
“ยังมิต้องพูดถึงอาหารสภาพแย่ ๆ ทุกวันของข้า แล้วก็ยังมิเอ่ยถึงการกลั่นแกล้งของคนในห้องครัว พูดถึงแค่เพียงเฟ่ยชุ่ย เรื่องเหล่านี้ที่เฟ่ยชุ่ยกระทำ ล้วนทำเพื่อข้าทั้งสิ้น แม่นางหงเย้าอาศัยเพียงการคาดเดาก็ตีนางจนสภาพเป็นเช่นนี้ หลักฐานคืออะไร?”
หงเย้าพูดไม่ออก นางคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้เป็นเหมือนเฉกเช่นตอนปกติ ทันทีที่ถูกยุยงก็จะทำตัวโง่เขลา แต่กลับเงียบสงบจนทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มหนักขึ้น “เขารังเกียจข้า นั่นเป็นเรื่องของเขา เกี่ยวข้องอันใดกับข้า?”
นางมององครักษ์ที่คนที่รีบเดินเข้ามา ชี้ไปที่สองคนนั้นที่โบยนางเมื่อหลายวันก่อน “เจ้า แล้วก็เจ้า ใช้แรงแบบที่พวกเจ้าใช้โบยข้าวันนั้น โบยนางสามสิบไม้”
องครักษ์สองคนนั้นงุนงงเล็กน้อย พวกเขาสบตากัน แล้วประสานมืออย่างพร้อมเพรียงกัน “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ พระชายา กระหม่อมเชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยอย่างเยาะหยัน “เชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้นรึ?”
“พ่ะย่ะค่ะ?” พวกองครักษ์กะพริบตาปริบ ๆ “พระชายาได้โปรดอย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าจิตใจซื่อสัตย์ เชื่อฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้น ดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กอดอก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงทำได้เพียงแค่เข้าวังเพื่อร้องขอคำสั่งจากเสด็จพ่อ มิรู้ว่าคำสั่งของเสด็จพ่อ พวกเจ้าจะเชื่อฟังหรือไม่?”
พวกองครักษ์หน้าถอดสี รีบคุกเข่าทันที “กระหม่อมเชื่อฟังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อครู่นี้พวกเจ้ากล่าวว่าเชื่อฟังแค่เพียงคำสั่งของท่านอ๋องเท่านั้น เช่นนี้จะไม่ขัดแย้งกันไปหน่อยรึ? ช่างน่าขันเสียจริง ตอนพวกเจ้าโบยข้าช่างมีความสุขเหลือเกิน ยังโบยเสียรุนแรงเช่นนั้น แต่กลับมิยอมโบยสาวใช้ที่กระทำความผิดใหญ่หลวงอย่างนั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “ในสายตาของพวกเจ้า ข้าสูงศักดิ์มิสู้สาวใช้ข้างกายของท่านอ๋องใช่หรือไม่?”
“กระหม่อมมิได้หมายความตามนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นพวกเจ้าหมายความเช่นไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มระดับเสียง “ด้านหนึ่งขัดแย้งกับตนเอง ด้านหนึ่งก็หาข้ออ้าง คิดว่าข้าน่ารังแกเช่นนั้นรึ? ในเมื่อคำสั่งของข้าไร้ประโยชน์ เช่นนั้น ข้าก็จะเข้าวังเดี๋ยวนี้ ทูลขอให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตพระราชทานองครักษ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่งจำนวนหนึ่งให้ข้า เพื่อที่จะได้ไม่ถูกพวกเจ้ารังแกเสียยิ่งกว่าสุนัขตัวหนึ่ง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน