“เยี่ยอู๋เต้า ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายคืนดีกับฉัน”
“ไล่สวีต้าไห่ออกไปซะ แล้วให้แม่ฉันเป็นหัวหน้าแผนกแทน”
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนาย คิดให้ดีก่อนตอบล่ะ”
เธอเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอวดดี
เธอเชื่อมั่นว่าตราบใดที่เธอยอมอะลุ่มอล่วยให้ เยี่ยอู๋เต้าจะรี่กลับมาเป็นสุนัขขี้ประจบของเธออย่างแน่นอน
ตอนนี้เธอได้รับบัตรเชิญจากแม่ทัพสวรรค์ เธอมีอนาคตที่สดใส หากเยี่ยอู๋เต้ากลับมาคืนดีกับเธอ พวกเขาก็จะโบยบินไปด้วยกัน
ครอบครัวตระกูลสวีเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
เยี่ยอู๋เต้าสามารถทำให้สวีต้าไห่ได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนก แน่นอนว่าเขาย่อมไล่สวีต้าไห่ออกได้เช่นกัน
เยี่ยอู๋เต้าหัวเราะดังลั่น
เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าใครทำให้เฉินหย่าจือกล้าพูดประโยคนี้ออกมา
ทำไมเธอถึงมั่นใจนักว่าเขาจะกลับไปคืนดีกับเธอ
เฮ้อ ต้องโทษที่ฉันเอาใจเธอมากเกินไปหน่อย จนเธอนิสัยเสีย
เขาตอบกลับอย่างเย็นชา “ตอนที่คุณเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วย กระทั่งบีบให้ผมและหลิงเอ๋อร์ต้องคุกเข่าขอร้องคุณ ความสัมพันธ์ห้าปีของเราสิ้นสุดลงแล้ว"
“รีบออกไปซะ อย่าประจานตัวเองไปมากกว่านี้เลย!
เฉินหย่าจือโกรธจัด
“ไอ้สารเลวเยี่ยอู๋เต้า แกมันคนเนรคุณ!”
“รอก่อนเถอะ ฉันจะให้พวกแกมาขอร้องฉัน”
“สวีหลิงเอ๋อร์ อย่าลืมนะว่ากิจการของเธออาศัยการดูแลจากฉัน ฉันจะทำให้เธอล้มละลายให้หมด!”
“แล้วในอีกสามวัน หลังจากที่พวกเราได้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองการกลับคืนสู่ตำแหน่งของแม่ทัพสวรรค์ ตระกูลสวีทั้งหมดจะต้องพินาศไปกับเธอด้วย”
หลี่อวี้หวนตกใจมาก “พวกเธอได้รับบัตรเชิญจากแม่ทัพสวรรค์หรือ”
เฉินหย่าจือเยาะเย้ย: “แน่นอน”
ผู้คนต่างตื่นตระหนก
หลี่อวี้หวนตกตะลึงในทันที “หย่าจือ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเยี่ยอู๋เต้า หากคุณจะแก้แค้นก็ลงที่เยี่ยอู๋เต้าคนเดียวสิ อย่าดึงตระกูลสวีของพวกเราไปพัวพันด้วยเลย...”
เฉินหย่าจือ “ฮ่าๆๆ ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้วหรือ สายไปแล้ว”
“กลับไปนั่งรอความตายดีๆ ล่ะ”
พูดจบเธอก็ออกไปกับเฉินเหมย
หลี่อวี้หวนรู้สึกปวดใจ
เยี่ยอู๋เต้าพูดปลอบใจ “วางใจได้ครับ ครอบครัวของเฉินหย่าจือจะไปเป็นคนรับใช้ในงานพิธีเท่านั้น”
“ถ้าพวกคุณอยากจะไป ผมสามารถพาพวกคุณเข้าไปได้ และนั่งในตำแหน่งแขกที่มีเกียรติที่สุด”
“ไสหัวไป!” หลี่อวี้หวนโพล่งออกมา “ตอนนี้ยังมาทำคุยโวอีกหรือ นายอยากจะทำลายครอบครัวของฉันใช่ไหม!”
“ถ้านายดีกับหลิงเอ๋อร์จริง ก็อยู่ให้ห่างจากเธอไว้”
“เมื่อกี้ก็ได้ยินแล้วนี่ ทั้งตระกูลฟัง ทั้งเฉินหย่าจือ เพราะนาย พวกเขาจะทำให้หลิงเอ๋อร์ไม่เหลืออะไรเลย”
“ทั้งสองตระกูลได้รับบัตรเชิญจากแม่ทัพสวรรค์ สถานะของพวกเขาสูงส่งมาก อยากจะบีบให้ตระกูลสวีของพวกเราตายน่ะ ง่ายเหมือนเล่นของเล่น”
สวีต้าไห่ยังคงนิ่งเงียบ
แม้ว่าเขาจะชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของเยี่ยอู๋เต้า แต่เขาก็ทนดูที่จะเห็นตระกูลสวีต้องพินาศไม่ได้
เยี่ยอู๋เต้ากล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “เมื่อตอนที่หลิงเอ๋อร์พูดว่า ‘ฉันยินดี’ สามพยางค์นี้ ผมก็ตัดสินใจจะแบกรับทุกอย่างแทนเธอแล้ว”
“แค่ตระกูลฟังกระจอกๆ ไม่อยู่ในสายตาของผมเลยจริงๆ”
“สำหรับบัตรเชิญ...ถ้าหลิงเอ๋อร์ต้องการ ผมจะให้เธอเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดในงานพิธีเฉลิมฉลอง!”
หลี่อวี้หวนแผดเสียงใส่ “นายนี่มันโม้เก่งจริงๆ!”
“สรุปแล้ว นายรีบตายใจเสียเถอะ เว้นแต่ว่า นายจะให้พวกเราไปงานพิธีเฉลิมฉลองจริงๆ!”
ลุงใหญ่และลุงรองต่างช่วยกันเกลี้ยกล่อมสวีหลิงเอ๋อร์
“ในสังคมนี้ มีเงินถึงจะเป็นเจ้า ต่อให้รักษาคนเก่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้นะ”
“เยี่ยอู๋เต้าเจ้าหมอนี่ไม่น่าจะได้เรื่องได้ราว เขาเพ้อฝันเกินไป แค่สามแสนเขายังควักออกมาไม่ได้ ยังคิดจะให้ไปเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดในงานพิธีเฉลิมฉลองอะไรนั่นอีกได้ยังไง”
“ฟังจงซิ่นเหมาะสมกับหลานที่สุดแล้ว ฟังลุงใหญ่นะ พวกเราไม่คิดร้ายกับหลานหรอก”
สวีหลิงเอ๋อร์ตอบโต้ “ถ้าหนูฟังพวกคุณแล้วรอให้ฟังจงซิ่นช่วยชีวิตพ่อ พ่อคงตายไปแล้วค่ะ”
ประโยคเดียว ทำเอาพวกเขาพูดต่อไม่ออกแล้ว
ลุงใหญ่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห “เด็กโง่ ไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
หลี่อวี้หวนรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย “พี่ใหญ่พี่รอง อย่ากังวลไปเลยค่ะ กลับไปฉันจะเกลี้ยกล่อมนังหนูนี่เอง”
เยี่ยอู๋เต้า “เดิมที ผมคิดจะให้คุณรับช่วงต่อทรัพย์สินทั้งหมดของมหาเศรษฐีแห่งเมืองหลินไห่โดยตรง”
“แต่ในเมื่อคุณแคร์โรงงานเหล็กขนาดนี้ งั้นพวกเรามาทำให้โรงงานเหล็กแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองกันเถอะ”
"ให้โรงงานเหล็กแห่งนี้เป็นกระดานสปริงให้เราค่อยๆ กระโดดขึ้นไปทีละขั้นจนถึงตำแหน่งมหาเศรษฐีกันเถอะนะ”
สวีหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง “ถ้าคุณไม่คุยโม้สักพัก คุณจะตายไหม”
เยี่ยอู๋เต้าชักรู้สึกท้อใจแล้ว
เขาร่ำรวยล้นฟ้า ตระกูลเสิ่นมหาเศรษฐีเมืองหลินไห่ก็เพียงแค่กลยุทธ์เล็กๆ ที่เขาวางเอาไว้เล่นๆ เมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น
แค่ผมพูดคำเดียว คุณก็ได้รับสืบทอดทรัพย์สินทั้งหมดของมหาเศรษฐีเมืองหลินไห่แล้ว
ผมไม่ได้โม้จริงๆ!
สวีหลิงเอ๋อร์เอ่ยขึ้น “ตอนนี้คุณไม่มีงานทำใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นในช่วงระยะนี้ คุณมาเป็นพนักงานที่นี่ชั่วคราวก่อน ส่วนเงินเดือนจะจ่ายตามมาตรฐานสูงสุดให้นะ”
“เพียงแต่...เราสูญเสียออเดอร์จากบริษัทสถาปัตยกรรมฟังซื่อไป แล้วโรงงานเหล็กอาจจะอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วัน”
เยี่ยอู๋เต้าพยักหน้า “ตกลง”
“ไม่ต้องห่วงนะหลิงเอ๋อร์ พรุ่งนี้ผมจะเอาออเดอร์ใหญ่มาให้คุณเอง”
หากให้คนภายนอกรู้ว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งสามเหล่าทัพได้กลายมาเป็นพนักงานในโรงงานเล็กๆ แห่งนี้ พวกเขาจะต้องอ้าปากค้างแน่นอน
สวีหลิงเอ๋อร์มองไปที่เยี่ยอู๋เต้าด้วยสายตาที่ซับซ้อน
ขี้โม้อีกแล้ว
......
เที่ยงคืน!
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ย่ำรุ่งของวันใหม่ โทรศัพท์มือถือของเยี่ยอู๋เต้าก็ดังขึ้นอย่างตรงเวลา
ข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง โทรศัพท์มือถือยังคงดังไม่หยุด
เยี่ยอู๋เต้าฉีกยิ้มพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เหล่าผู้มีอิทธิพลล้นฟ้าทั้งในที่ลับและที่แจ้ง รวมถึงผู้จัดการของบรรดากลุ่มการเงินรายใหญ่ต่างส่งข้อความเข้ามาแสดงความยินดี
ยังมีเศรษฐีอีกมากมายที่ยอมทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อขอให้เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือต่อชีวิตให้
เยี่ยอู๋เต้าเพิกเฉยต่อข้อความเหล่านั้น แต่แล้ว เขาก็ได้พบข้อความที่ดูไม่สลักสำคัญข้อความหนึ่ง
ซึ่งถูกส่งมาโดยเสิ่นเฝิงชุน มหาเศรษฐีเมืองหลินไห่ [เจ้านาย คุณจะรับช่วงต่อทรัพย์สินของตระกูลเสิ่นเมื่อไรครับ]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านแม่ทัพที่รัก
โปรยแล้วหายเลย งท้อออ...
รออยู่นะค่ะ 🙏...