สวีต้าไห่งุนงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนในตระกูลสวีถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้
หลี่อวี้หวนรีบเอ่ยขึ้น “สวีต้าไห่ เมื่อสักครู่คุณหมดสติไป คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ
“เขาเป็นแค่ยาจกที่ไม่มีความสามารถอะไร จะช่วยชีวิตคุณได้อย่างไร”
“ท่าน ผอ. อย่าถ่อมตัวไปเลย พวกเรารู้ความจริงหมดแล้ว”
“เป็นฟังจงซิ่นที่ขอให้คุณช่วยสวีต้าไห่”
ผู้อำนวยการเฒ่าขมวดคิ้ว “ผมก็บอกไปแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งหมดเป็นฝีมือของท่านอาจารย์”
“จะว่าไปแล้ว ฟังจงซิ่นคือใครหรือ เขาไม่ได้โทรศัพท์หาผมนะ”
“อ้อ ใช่แล้ว ดูเหมือนเมื่อสักครู่จะมีโทรศัพท์ดังขึ้นสองครั้งนะ แต่ทันทีที่ผมกำลังจะรับสาย อีกฝ่ายก็วางไปแล้ว ไม่รู้ว่าใช่เขาหรือเปล่า”
จู่ๆ สวีหลิงเอ๋อร์ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เธอรีบโทรหาฟังจงซิ่นและเปิดสปีกเกอร์โฟน
“ฟังจงซิ่น คุณได้ติดต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วหรือยังคะ”
ฟังจงซิ่น “ผมได้ติดต่อไปแล้ว แต่ ผอ. เฒ่านั่นไปต่างประเทศ กลับมาไม่ได้”
“เดี๋ยวผมจะติดต่อหมออีกคนให้นะ...”
สวีหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง “คนโกหก คุณเป็นคนโกหก”
“ท่าน ผอ. ยืนอยู่ตรงหน้าฉันเนี่ย!”
ฟังจงซิ่นรู้สึกกระอักกระอ่วน “จริงหรือ สงสัยผมจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง”
สวีหลิงเอ๋อร์ “ไปให้พ้นเลย คุณยังกล้าโกหกฉันอีกหรือนี่! ผู้ชายเฮงซวย!”
“ต่อไป ไม่ต้องติดต่อหาฉันอีกนะ”
ฟังจงซิ่นก็รู้สึกโกรธแล้วเช่นกัน “ให้ตายเถอะ คุณกล้าด่าผมเหรอ!”
“ขอเตือนคุณไว้เลยนะ วันที่หนึ่งเดือนหน้า พวกเราจะแต่งงานกัน ถ้าคุณกล้ากลับคำ ผมจะทำให้ตระกูลสวีมีอันเป็นไป”
“ยังมีอีกเรื่อง อยู่ให้ห่างไอ้หนุ่มกเฬวรากนั่นไว้ ไม่อย่างนั้นผมจะเล่นมันให้ถึงตาย”
ตู๊ด!
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว
บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
ตอนนี้ความจริงได้ปรากฏออกมาแล้ว
ฟังจงซิ่นที่พวกเขาฝากความหวังไว้ไม่ได้ยี่หระกับชีวิตของสวีต้าไห่เลย
แต่เยี่ยอู๋เต้าที่ถูกพวกเขาดูหมิ่นดูแคลนกลับดื้อดึงที่จะช่วยเหลือ...
ยามนี้อารมณ์ของคนในตระกูลสวีซับซ้อนถึงที่สุด
สวีต้าไห่ยังคงไม่รู้เรื่องว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคือเยี่ยอู๋เต้า “ท่านอาจารย์ คุณคงยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมครับ...”
“หุบปาก” หลี่อวี้หวนตะคอกใส่ “เขาไม่มีคุณสมบัติจะเป็นอาจารย์ของคุณ”
สวีต้าไห่ตะคอกกลับ “คุณเป็นผู้หญิงจะรู้อะไร หากไม่ได้เขา วันนี้ผมคงตายไปแล้ว”
หลี่อวี้หวน “คุณเปิดตาดูให้ดีๆ เขาคือเยี่ยอู๋เต้า คนที่ทำให้โรคหัวใจของคุณกำเริบ”
สวีต้าไห่ตะลึงค้างไปทันที
โรคหัวใจเกือบจะกำเริบอีกครั้งแล้ว
ท่านอาจารย์ก็คือ ‘อนาคตลูกเขย’ ที่เขาจงเกลียดจงชัง
ทำไมเรื่องบัดซบแบบนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย
บรรยากาศในตอนนี้มันน่าอึดอัด
แม้แต่ผู้อำนวยการเฒ่ายังรู้สึกถึงความอึดอัดของสวีต้าไห่ “นั่น...ฮ่าๆ คาดไม่ถึงเลยว่าที่แท้อาจารย์จะเป็นลูกเขยของคุณ”
“คุณคงแอบเรียนวิชาทางการแพทย์มาจากอาจารย์ไม่น้อยเลยสิท่า”
“ผมคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คุณเตรียมตัวให้พร้อมรับตำแหน่งเถอะ”
เมื่อพูดจบก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่ใส่ใจจะยุ่งเรื่องครอบครัวของคนอื่น
สวีต้าไห่รู้สึกปลาบปลื้ม
ไม่คิดว่าจะได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกมาง่ายดายขนาดนี้
แต่เมื่อเขาคิดถึงว่า ตำแหน่งนี้ที่ได้มาก็เพราะเยี่ยอู๋เต้า ความยินดีก็มลายหายไปกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ดี ในใจของเขา ฟังจงซิ่นถึงจะเป็นลูกเขยในอุดมคติ
อีกด้านหนึ่ง เฉินหย่าจือและเฉินเหมยแม่ลูกกำลังเดินมา
เฉินเหมย “ตอนนี้เป็นเวลาวิกฤตของสวีต้าไห่แล้ว แม่ไม่เชื่อหรอกว่าตระกูลสวียังจะดื้อต่อไปอีก”
เฉินหย่าจือ “ฮึ หนูอยากให้พวกตระกูลสวีคุกเข่าขอร้องหนูเหมือนสุนัข”
หลี่อวี้หวนเป็นคนแรกที่ได้สติขึ้นมา นี่เป็นฤกษ์งามยามดีที่จะแก้แค้นพวกหล่อนแล้ว!
ในกรุ๊ปสำนักงาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฒ่าได้ออกประกาศเป็นการส่วนตัว “สวีต้าไห่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนก”
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไงกัน!” เฉินเหมยโวยวายออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ทั้งๆ ที่ฉันมีหวังมากที่สุดที่จะได้เป็นหัวหน้า!”
“สวีต้าไห่ คุณติดสินบน ผอ. ใช่ไหม!”
“คุณมันเฮงซวย เดรัจฉาน รอให้ชื่อเสียงป่นปี้ก่อนเถอะ”
สวีต้าไห่ยิ้มเยาะ “ผม สวีต้าไห่ ไม่ลดตัวลงไปทำเรื่องแบบนั้นหรอก”
“ตรงกันข้าม บางคนมีมือเท้าสกปรก เกรงว่าจะส่งส่วยให้พวกผู้นำบ่อยๆ สินะ”
เฉินเหมย “ไอ้บ้า ฉันไม่ได้ติดสินบนใครนะ ทำไม ผอ. เฒ่าถึงแต่งตั้งให้คุณเป็นหัวหน้าได้”
ก่อนที่สวีต้าไห่จะอ้าปาก หลี่อวี้หวนชิงพูดก่อนว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ”
“ขอบคุณที่มอบเยี่ยอู๋เต้าให้ถึงมือเรา”
“ทักษะทางการแพทย์ของเยี่ยอู๋เต้าโดดเด่นมาก ไม่เพียงช่วยชีวิตสวีต้าไห่ไว้ได้ ยังรับ ผอ. เฒ่าเป็นศิษย์อีกด้วยนะ”
“อย่าว่าแต่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกเล็กๆ เลย ถ้าต้าไห่อยากจะเป็นรองผู้อำนวยการ ท่าน ผอ. ก็คงต้องเห็นแก่หน้าของเยี่ยอู๋เต้าอยู่ดีน่ะแหละ”
“ใครบอกว่าลูกสาวของฉันเก็บรองเท้าขาดๆ กันล่ะ ลูกสาวของฉันเก็บของมีค่าได้ต่างหากล่ะ!”
“น่าเสียดายที่คนบางคนตาถั่ว ดูไม่ออกว่านี่คือของมีค่า!”
อะ...อะไรนะ!
เฉินหย่าจือแม่ลูกมองไปที่เยี่ยอู๋เต้า
ไอ้สวะยากจนที่ควักเงินสามแสนออกมาไม่ได้คนนี้นี่นะ รับผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นลูกศิษย์!
เขามีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำไมถึงไม่เคยรู้มาก่อน!
เดี๋ยวก่อนนะ หากฉันไม่ขอเงินเพิ่มอีกสามแสน อย่างนั้นคนที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนก ก็ต้องเป็นฉันแล้วสิ!
ฉันเป็นคนทำลายโอกาสนี้ด้วยมือของฉันเองหรือนี่
เฉินเหมยเสียดายอย่างที่สุด
วันนี้เธอไม่ควรขอสินสอดเพิ่มอีกสามแสนเลย สิ่งที่เธอสูญเสียในเวลานี้ มันมากกว่าเงินสามแสนเสียอีก
แล้วรอจนเยี่ยอู๋เต้าจัดการให้เธอได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกเสียก่อน ค่อยเฉดหัวออกไปก็ได้
จู่ๆ เฉินหย่าจือที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็โพล่งขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านแม่ทัพที่รัก
โปรยแล้วหายเลย งท้อออ...
รออยู่นะค่ะ 🙏...