กลับกัน เมื่อได้ยินฝั่งตรงข้ามชักชวนเข้าแก็งค์แถมเสนอตำแหน่งหัวหน้าแก็งค์ให้ในอนาคต อวี้ฮ่าวหรานก็เพียงเผยรอยยิ้มขบขันออกมา
ชวนให้เขาไปเข้าแก็งค์ใต้ดินเนี่ยนะ?
เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ไม่เคยมีใครกล้าเสนอเรื่องแบบนี้กับเขา?
หลังจากเขาเป็นจักรพรรดิเทพ อย่าว่าแต่พูดชักชวนเข้าร่วมแก็งค์ใต้ดินเลย ผู้คนที่อยู่โลกใต้ดินไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้ปฏิเสธ โจวเฟยหู่ก็เอ่ยขึ้นก่อนราวกับรู้ทัน
“ฮ่าฮ่า แต่ฉันแน่ใจว่าน้องอวี้คงจะปฏิเสธแน่ ๆ เลยใช่ไหมล่ะ? ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ คนเราทุกคนล้วนมีความทะเยอทะยานแตกต่างกัน”
ไม่เหมือนกับคนแซ่เซี่ยที่ตีโพยตีพายไปก่อน โจวเฟยหู่เป็นคนที่มองคนออกเก่งมาก แค่เขาเห็นสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเพียงแวบเดียวเขาก็พอเดาได้ว่าฝั่งตรงข้ามตัดสินใจยังไง
“ให้ฉันพูดตามจริง ถึงแม้ว่าฉันจะอยากได้น้องอวี้มาเข้าร่วมมาก ๆ แต่ฉันเองก็คิดอยู่เช่นกันว่าคนที่มีความสามารถอย่างน้องอวี้คงไม่ตกลงมาเข้าแก็งค์ของฉันหรอก”
เมื่อฟังมาถึงประโยคนี้ อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วขึ้นทันทีด้วยความสงสัย
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่เข้าร่วมแล้วเรียกเขามาคุยด้วยทำไม?
“ในเมื่อพวกเราต่างเข้าใจตรงกันแบบนี้ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน อ้อแล้วอีกอย่าง อย่าบุกไปหาผมแบบในวันนี้อีก ผมไม่ชอบสักเท่าไหร่!”
อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นเขาลุกขึ้นด้วยท่าทางไม่สุภาพเหมือนในตอนแรกทันที
โจวเฟยหู่แสดงสีหน้าสับสนทันทีเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของ อวี้ฮ่าวหราน เขารีบลุกขึ้นเช่นกันและพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“น้องอวี้เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป! ฟังฉันอธิบายก่อน ถึงแม้ว่าฉันจะเดาได้อยู่แล้วว่าน้องอวี้จะไม่ตกลงเข้าร่วมแก็งค์ของฉัน แต่จริง ๆ แล้วคราวนี้ที่ฉันอยากพบน้องอวี้เป็นเพราะอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก”
อวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจะเดินออกจากเก้าอี้ไปหยุดลงทันที และถามกลับ “เรื่องอะไร?”
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเจ้าแมงป่องลูกน้องของฉัน นายนั่งลงฟังเขาก่อนก็แล้วกัน”
โจวเฟยหู่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงอยู่ฟังคำพูดของเขา จากนั้นเขาชี้ไปที่คนแซ่เซี่ยเพื่อให้รู้ว่าคนที่เขาเรียกว่าแมงป่องเป็นใคร
“ขอบคุณหัวหน้า!” คนแซ่เซี่ยโค้งตัวแล้วรับช่วงบทสนทนาต่ออย่างรู้หน้าที่
“เรื่องเป็นแบบนี้พี่อวี้ พี่เองรู้จักสวีรุ่ยอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมปล่อยเงินกู้ให้กับสวีเซี่ยงจวินซึ่งเป็นพ่อของสวีรุ่ย และเมื่อเขาไม่ยอมจ่ายแล้วหนีหนี้ไป ผมจึงจำเป็นต้องไปตามทวงหนี้กับสวีรุ่ยแทน”
เมื่อได้ยินฝั่งตรงข้ามเล่ารายละเอียดที่มาที่ไปของเรื่องการทวงหนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เอาแต่จ้องเขม็งไปที่คนแซ่เซี่ยด้วยความไม่พอใจ
เรื่องนี้มันสร้างความรำคาญใจให้กับเขามาหลายรอบแล้ว แต่ฝั่งตรงข้ามยังกล้ายกเรื่องนี้มาพูดวันนี้อีกงั้นเหรอ?
ไอ้คนแก็งค์นี้มันเบื่อชีวิตกันมากนักใช่ไหม?
“อ..เอ่อ…เดี๋ยวก่อนพี่อวี้ อย่าเพิ่งโมโห ที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ใช่เพราะว่าผมจะทวงหนี้อะไรต่ออีก แต่ที่ผมพูดขึ้นมาเพราะผมเห็นว่าพี่รู้จักกับสวีรุ่ย”
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานจ้องเขม็งมาที่ตัวเอง คนแซ่เซี่ยจึงรีบเอ่ยขึ้นอธิบายทันที เขาจำสายตาที่น่ากลัวนี้ของอวี้ฮ่าวหรานได้ไม่มีวันลืม มันเป็นสายตาที่บ่งบอกว่าเขากำลังจะต้องเจ็บตัวอีกรอบ!
“คือว่า…คือว่า…เมื่อไม่กี่วันมานี้ลูกน้องของผมได้เอาข่าวเกี่ยวกับ สวีเซี่ยงจวินมาแจ้ง ว่าเขาได้กลับเข้ามาเมืองฮ่วยอันมาแล้ว ฉันเห็นว่าพี่อวี้คอยดูแลสวีรุยอยู่ตลอด ดังนั้นฉันจึงคิดว่าพี่น่าจะอยากรู้เรื่องนี้…”
พ่อของสวีรุ่ยกลับมาแล้ว?
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อวี้ฮ่าวหรานพลันแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“นายแน่ใจนะว่าพ่อของสวีรุ่ยกลับมาแล้ว?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับเพื่อความแน่ใจ
“แน่นอนที่สุด! ลูกน้องของผมไม่มีวันจำคนผิดแน่นอน! เมื่อก่อนลูกน้องของผมไปตามทวงหนี้เขาบ่อยมาก และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ผมได้รับข่าว ผมเองก็แอบตามไปดูด้วยตาตัวเองมาแล้ว ดังนั้นผมยืนยันได้แน่นอนว่าเป็นสวีเซี่ยงจวิน!”
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามให้ความสนใจกับข่าวที่เขาเอามาบอก คนแซ่เซี่ยก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่เป็นโอกาสทำให้ฝั่งตรงข้ามมองเขาในแง่ดีมากขึ้น แถมยังเป็นการสร้างผลงานแก้ตัวต่อหัวหน้าแก็งค์ของเขาอีกต่างหาก!
อวี้ฮ่าวหรานเก็บอาการพึงพอใจของตัวเองไม่ไหวจนยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]