ผ่านไปครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนกลับมาถึงห้องซึ่งหลี่หรงเองก็กำลังรอพวกเขาอยู่ได้สักพักแล้ว
“แม่หรงๆ วันนี้ตอนหนูอยู่บนรถมีพวกคนเลวมาขวางทางเราไว้ แล้วคนพวกนั้นพยายามจะฆ่าพ่อของหนูด้วย แต่พ่อก็จัดการคนเลวพวกนั้นจนหมด พ่อของหนูเก่งมากๆ เล้ย!” ทันทีที่เจอหน้าหลี่หรง เด็กน้อยก็เล่าเรื่องที่เพิ่งเจอมาไม่หยุด
“หืม? พยายามจะฆ่า? เกิดอะไรขึ้นพี่เขย?”
หลี่หรงรู้ว่าถวนถวนไม่ใช่เด็กที่พูดเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเธอจึงเชื่อทุกคำพูดของเด็กน้อย
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขารู้สึกกระอักกระอ่วนทันทีเมื่อถูกถามรายละเอียด เพราะไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย ด้วยมันมีแต่จะทำให้หลี่หรงเป็นห่วง แต่ท้ายที่สุดหลังจากที่ลูกของเขาเอ่ยปากเล่าไปขนาดนี้ การที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดอะไรคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
“มีองค์กรมือสังหารไล่ฆ่าพี่อยู่งั้นเหรอ? พี่เขย พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า… ไหนให้ฉันดูพี่หน่อยสิ!”
หลี่หรงตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เธอไม่คาดคิดว่าพี่เขยของเธอจะเผชิญกับเรื่องคอขาดบาดตายในระหว่างทางกลับจากเลิกงาน
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อโดนหลี่หรงสำรวจไปทั่วร่างแบบนี้ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“เอ่อ อย่าลงไปต่ำนัก…”
เมื่อโดนทัก หลี่หรงชะงักไปในทันทีเพราะเธอลืมตัวไปว่าตอนนี้เธอสัมผัสไปทั่วตัวของอวี้ฮ่าวหรานจนมันมาถึงส่วนเอวแล้ว!
บ้า! นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย!
เมื่อดึงสติกลับมาได้ทัน หลี่หรงก็รีบก้าวถอยหลังออกไปในทันทีด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
นี่มันแย่มาก ทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงทำอะไรประหลาดๆ แบบนี้อยู่เรื่อยเลย!
“เอ่อ…พี่เขย ฉันขอโทษ ฉันไม่ทันระวัง…” หลี่หรงก้มหน้าไม่กล้าสบตากับอวี้ฮ่าวหราน
“ช่างมันเถอะๆ พี่รู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่านี่มันก็ดึกแล้ว ถวนถวนน่าจะหิวมากแล้วเธอช่วยทำอาหารทีได้ไหม”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นเพื่อคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาทั้งสอง
หลังจากนั้นเมื่อหลี่หรงทำอาหารเสร็จและทุกคนกินข้าวกันเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ขอตัวกลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อบ่มเพาะต่อ แม้ว่าการลอบสังหารวันนี้มันจะไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรสำหรับเขา แต่มันก็ทำให้เขายิ่งตื่นตัวมากขึ้น
หากวัดจากพวกนักฆ่าที่ถูกส่งมาซึ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในองค์กรอสรพิษจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อรากฐานแน่นอนเขามั่นใจ
เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุด!
วันต่อมา
หลังจากจัดการเรื่องของบริษัทในตอนเช้าแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็รีบไปที่หอประมูลที่เดิมที่เขาเคยไปก่อนหน้านี้กับหวังเหยียน
“โอ้ น้องอวี้มาเร็วจริงๆ วันนี้”
ที่หน้าประตู หวังเหยียนทักทายอวี้ฮ่าวหรานอย่างสนิทสนม และถึงแม้ว่าจะดูเหมือนหวังเหยียนรออยู่ก่อนนานแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ไม่มีร่องรอยของอาการไม่พอใจเลย
“การประมูลจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้แล้วใช่ไหม?” อวี้ฮ่าวหราน พยักรับคำทักทายและถามกลับ
“ใช่ นายมาได้เวลากำลังจะเริ่มพอดี พวกเรารีบเข้าไปในห้องส่วนตัวกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ หวังเหยียนเดินนำทางเข้าไปด้านในทันที เห็นได้ชัดว่าเขารออยู่ที่นี่เพื่อรอต้อนรับอวี้ฮ่าวหรานโดยเฉพาะ
“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องรอผมที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้ แค่ให้ลูกน้องของคุณสักคนออกมารอรับผมก็พอ”
อวี้ฮ่าวหรานค่อนข้างมีความรู้สึกดีกับอีกฝ่าย หวังเหยียนช่วยเหลือเขาเอาไว้แล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกก็คือการช่วยให้มีสิทธิ์เข้ามาในหอประมูลแห่งนี้ ครั้งที่สองก็คือการช่วยแก้ปัญหาเรื่องไร้สาระกับคนแซ่เซี่ย
“น้องอวี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจไป นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ อย่าลืมสิว่านายเป็นผู้มีพระคุณของแก็งค์พยัคฆ์เวหา เรื่องแค่นี้มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่นายทำไว้ให้กับพวกเราหรอก”
หวังเหยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจอย่างยิ่ง
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าถึงแม้ภายนอกหวังเหยียนจะดูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วหวังเหยียนนั้นมีพลังปราณไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง
เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้มีดีมากกว่าที่ตาเห็น!
อวี้ฮ่าวหรานตัดสินใจอย่างลับๆ ว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะชี้แนะเส้นทางการบ่มเพาะที่ถูกต้องให้กับคนผู้นี้สักหน่อย
“หืม? หวังเหยียน! ทำไมนายถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ?”
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงทักอย่างเย็นชาดังขึ้น
อวี้ฮ่าวหรานหันกลับไปมองทันที ซึ่งเขาก็พบคนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเฉินซิว สมาชิกแก็งค์มังกรครามที่เขาเพิ่งเจอไม่นานมานี้
“ทำไม? แก็งค์มังกรครามเป็นเจ้าของที่นี่รึไงฉันถึงจะมาที่นี่ไม่ได้?” หวังเหยียนตอบกลับทันควันด้วยสีหน้าหงุดหงิด
แค่มองเพียบแวบเดียวก็เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่ชอบขี้หน้ากัน
แต่แล้วในทันทีที่เฉินซิวเห็นหน้าอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]