เจิ้งเหวยกัว ยืนรออยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าคาดหวัง
“เข้ามาได้”
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามต้องการขอเข้าพบ อวี้ฮ่าวหราน รู้สึกไม่มีความสุขสักเท่าไหร่แต่เขาก็ยังอนุญาตให้ชายแก่ที่คอยขัดขาเขาตลาดเวลาเข้ามาพบ
“มีอะไร?”
อวี้ฮ่าวหราน ถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ตอนนี้เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร
“ฮ่าฮ่า อย่าเย็นชากับผมขนาดนี้เลยท่านประธานอวี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ท่านประธานบริหารบริษัทได้ดีมากจริง ๆ ฉันขอชื่นชมจากใจ”
เจิ้งเหวยกัว พูดเยินยอด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คาดฝันในทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
“แม้ว่าระหว่างเราก่อนหน้านี้จะขัดแย้งกันมาตลอด แต่ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่าท่านประธาน สามารถบริหารบริษัทของเราได้ดีจริง ๆ ความสามารถของท่านประธานมันช่างน่าทึ่งจริงๆ!”
อวี้ฮ่าวหราน อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ ๆ วันนี้ไอ้แก่คนนี้ถึงเข้ามาชื่นชมเขา
ที่ผ่านมาพวกเขาเป็นศัตรูกันมาตลอด มันไม่ควรจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นนี่นา?
อย่างไรก็ตาม เจิ้งเหวยกัวก็ยังกล่าคำเยินยอ อวี้ฮ่าวหราน ต่อไปไม่หยุด
“พอเห็นท่านประธานยังเด็กแต่มีความสามารถมากขนาดนี้มันก็ทำให้ตาแก่อย่างฉันรู้สึกละอายใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่นานในสองวันที่ผ่านมา ฉันก็ตัดสินใจว่าตาแก่อย่างฉันควรจะเกษียณตัวเองออกไปแล้วปล่อยให้คนรุ่นใหม่มาแทนที่ได้แล้ว…”
หลังจากพูดจาอ้อมโลกไปพอสมควร ในที่สุด เจิ้งเหวยกัว ก็เผยจุดประสงค์ของเขา
“คุณต้องการที่จะลาออก?”
ผู้จัดการหวังตกตะลึง ตาแก่คนนี้ต้องการลาออกจริง ๆ งั้นเหรอ?
ต้องรู้ว่าตามกฎของบริษัท หากฝั่งตรงข้ามขอเกีษณออกจากบริษัทไปหุ้นที่เขาถือทั้งหมดจะต้องขายคืนให้กับบริษัทตามราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งแนวโน้มของบริษัทตอนนี้คือกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและนั่นหมายความว่าหากเขายังอยู่ในบริษัทไปเรื่อย ๆ มูลค่าหุ้นในมือของเขาก็จะสูงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
การถอนตัวออกจากบริษัทในขณะที่มูลค่าของหุ้นกับพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วมันเป็นเรื่องที่โง่ชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?
“ใช่ ฉันแก่แล้ว ฉันคิดว่าตัวของฉันเองไม่เหมาะที่จะทำงานอีกต่อไป คุณก็เห็นแล้วว่าระยะหลัง วัน ๆ ฉันเอาแต่เดินไปมาในบริษัทโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันคิดว่าตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเกษียณตัวเองออกไปพักผ่อน”
ในขณะที่พูดสีหน้าของ เจิ้งเหวยกัว เต็มไปด้วยความเหงาและความท้อแท้
เขาดูเหมือนชายชราที่สิ้นหวังและหมดแรงบันดาลใจ
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหราน รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล ในความคิดของเขา ตาแก่คนนี้ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
หรือว่าเป็นเพราะเสียหน้ากลางที่ประชุมในวันนั้น?
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว อวี้ฮ่าวหราน ก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่ เรื่องแค่นั้นมันไม่ทำให้ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ยอมลาออกไปได้แน่ ๆ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะสงสัย แต่เขาก็หาคำตอบไม่ได้ว่าตาแก่คนนี้วางแผนอะไรเอาไว้รึเปล่า!
“ตกลง ฉันอนุมัติ แต่ผมอยากให้คุณคิดให้รอบคอบก่อน เพราะหลังจากที่คุณเซ็นลายเซ็นไปแล้วในใบลาออกมันหมายความว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก คุณเข้าใจใช่ไหม?”
อวี้ฮ่าวหราน พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก่อนคุณจะตัดสินใจลาออกจริง ๆ เอาเป็นว่าผมจะบอกคุณเอาไว้ก่อนก็แล้วกันว่าขณะนี้บริษัทมีกำไรเกิน 100 ล้านไปแล้วในช่วงระยะเวลาไม่ถึง1ไตรมาสด้วยซ้ำ ในขณะที่บริษัทกำลังเฟื่องฟูอยู่แบบนี้ หากคุณยังอยู่ต่อ มันหมายความว่าพอถึงสิ้นปีคุณจะได้รับเงินปันผลเป็นจำนวนมหาศาลมาก”
อวี้ฮ่าวหราน จงใจทดสอบความคิดของอีกฝ่ายโดยการเปิดเผยผลกำไรล่าสุดออกมา
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของ เจิ้งเหวยกัว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยเมื่อเขาได้ยินข้อมูลนี้ แววตาของเขายังคงแน่วแน่เหมือนเดิม
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจ แต่ตาแก่อย่างฉันที่อายุมากขนาดนี้ เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปเพราะฉันก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ใช้มันได้อีกกี่ ฉันอยากจะออกไปชีวิตอย่างสงบที่บ้านมากกว่า” เจิ้งเหวยกัวถอนหายใจยาว “เฮ้อ…ฉันมันแก่มากแล้ว อย่าให้ฉันอยู่ที่นี่เป็นภาระกับทุกคนเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูมีเหตุผลและเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามจะสำนึกผิดจริงๆ อวี้ฮ่าวหราน ก็พยักหน้าและสั่งให้ผู้จัดการหวังไปเตรียมเอกสารลาออกมาให้กับ เจิ้งเหวยกัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]