หลี่หรงเอ่ยทัดทานเสียงแข็งกับพ่อของเธอ เนื่องจากรอบนี้หลี่จิงเทียนทำเกินไปจริง ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพี่ชายของเธอเป็นคนที่ไม่สามารถไว้ใจได้เลย หากปล่อยไปเฉย ๆ แม้แต่ตัวเธอเองก็คงต้องระแวงไปด้วยว่าในอนาคตจะโดนพี่ชายของเธอแทงข้างหลังวันไหน
“พ่อรู้…”
หลี่ชงซานไม่ได้รู้สึกโกรธลูกสาวของเขาเลยที่ทำเสียงแข็งใส่ พูดตามตรงแม้แต่เขาเองก็อยากจะให้ลูกชายของเขาเผชิญกับผลที่ตามมาเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่หลี่จิงเทียนคือลูกชายแท้ ๆ ของเขา ดังนั้นไม่ว่ายังไงด้วยความเป็นพ่อ ก็ไม่สามารถดูอยู่เฉย ๆ ได้
“แต่เทียนเอ๋อร์เป็นลูกชายของพ่อ พ่อไม่สามารถทนเห็นเขาอยู่ในคุกโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้!”
“ฮ่าวหราน ลูกก็น่าจะรู้ว่าเม่ยเอ๋อร์เอ็นดูเทียนเอ๋อร์มากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโต เม่ยเอ๋อร์ปกป้องน้องชายเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร…เฮ้อ…เพื่อ…เพื่อเม่ยเอ๋อร์ ลูกช่วยเทียนเอ๋อร์สักครั้งจะได้ไหม?”
หลี่ชงซานจนปัญญากับเรื่องนี้จริง ๆ จนเขาจำเป็นต้องขอร้องในนามของหลี่เม่ย
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หรงก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
“พ่อ! เพราะพ่อให้ท้ายพี่รองแบบนี้ตั้งแต่เด็ก พอโตมาเขาเลยเสียคนแบบนี้ยังไงล่ะ!”
เธอไม่ต้องการให้โอกาสพี่รองของเธออีกต่อไปแล้ว เธออยากให้พี่รองของเธอได้ชดใช้บ้าง
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาเงียบลงและครุ่นคิดอย่างหนัก จนเวลาผ่านไปพักใหญ่จึงค่อย ๆ ตอบกลับ
“เอางั้นก็ได้ ผมจะช่วยเขาครั้งนี้”
“ฮ่า ๆ ดี ดี!”
หลี่ชงซาน รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกสำเร็จ เขาก็หัวเราะเสียงดังลั่น
เขาเชื่อว่าถ้าหากอวี้ฮ่าวหรานรับปากแล้ว ลูกชายของเขาจะต้องรอดแน่นอน
ตั้งแต่วันที่หลี่จิงเทียนถูกจับเข้าคุก เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเลยจนท้ายที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากขออวี้ฮ่าวหราน
“เอาล่ะ เอาล่ะ ถ้างั้นวันนี้อยู่กินข้าวกันก่อนก็แล้วกัน!”
หลังจากอารมณ์ดีขึ้นแล้ว หลี่ชงซานจึงถือโอกาสชวน
อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงไม่ได้กินอะไรในงานเลี้ยงเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงหิวพอดี พวกเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธที่จะอยู่ต่อ
ที่โต๊ะอาหาร หลี่ชงซานเอ่ยถามเกี่ยวกับเครือฮ่าวหรานเรื่อย ๆ และเมื่อรู้เรื่องความก้าวหน้าทุกอย่างเรียบร้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
“ฮ่าวหราน ลูกนี่มหัศจรรย์จริง ๆ ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ลูกทำให้เครือฮ่าวหรานใหญ่โตได้ขนาดนี้แล้ว พ่อล่ะละอายตัวเองจริง ๆ พอเทียบกับลูก…”
สีหน้าของหลี่ชงซานนั้นดูเบิกบานอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในการให้อวี้ฮ่าวหรานสืบทอดบริษัท
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานกลับยังคงอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว
เมื่อครู่ การที่หลี่ชงซานเอ่ยถึงหลี่เม่ย มันทำให้เขารู้สึกนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตจนท้ายที่สุดเขาอดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“ก่อนที่จะจะถูกพาตัวไป หลี่เม่ยได้พูดอะไรไว้บ้างหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ทั้ง หลี่หรงและหลี่ชงซานต่างเงียบลง
การจากไปของหลี่เม่ยนั้นเป็นแผลลึกในใจของหลี่ชงซานมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อถูกถาม จึงรู้สึกหดหู่พลางนึกถึงเรื่องในวันนั้น
“ในวันนั้นหลี่เม่ยไม่ได้พูดอะไรเลย เธอแค่ถูกแม่ชีคนนั้นพาตัวไป ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนั้น ฉันคงไม่มีทางคุยกับตระกูลอู๋เรื่องแต่งงาน…”
หลังจากพูดจบ หลี่ชงซานก็ถอนหายใจด้วยความละอาย
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ถามอะไรต่อเช่นกัน เขาทำเพียงแค่ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
ในตอนนี้เขายังไม่ได้เบาะแสอะไรของหลี่เม่ยเลย นอกจากคำบอกเล่าที่ว่าถูก ‘แม่ชี’ พาตัวไป ด้วยเบาะแสแค่นี้ การหาตัวหลี่เม่ยมันจึงไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยจริง ๆ
หลังจากกินอาหารเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานพาหลี่หรงกลับทันที
ระหว่างขับรถอยู่ อวี้ฮ่าวหรานก็โทรไปหาเฉิงกัวอัน
“ฮัลโหล ฮ่าวหราน? นายมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
“ผมอยากรู้ว่าในตอนนี้หลี่จิงเทียนอยู่ในคุกแล้วใช่ไหม? มีทางไหนที่จะสามารถทำให้เขาถูกปล่อยตัวได้หรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]