“เอาล่ะ พัสดีโจว พวกเราขอตัวกลับกันก่อนก็แล้วกัน รบกวนคุณช่วยดูแลเขาในคืนนี้ด้วย เอาไว้หลังจากนี้เจอกันรอบหน้าผมจะขอเลี้ยงคุณมื้อใหญ่เพื่อเป็นการตอบแทน!”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉิงกัวอันจึงเอ่ยขอตัวลา
“โธ่ พี่เฉิง เรื่องแค่นี้มันเรื่องเล็ก ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พัสดีโจวตอบกลับพลางหัวเราะเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเดินจากไป อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่จิงเทียน และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายมีแซ่เดียวกับหลี่เม่ย แต่จงจำไว้ว่าครั้งนี้มันคือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาส!”
ประโยคนี้ทำให้หลี่จิงเทียนผู้ซึ่งกำลังตื่นเต้น ตัวสั่นในทันทีราวกับว่าเพิ่งโดนน้ำเย็นสาดเข้าใส่
หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานและเฉิงกัวอันก็จากไป
ทางด้านของพัสดีโจวหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าแขกกลับไปหมดแล้ว
จอมโหดเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามพัสดีโจวด้วยความสงสัย
“ท่านพัสดี สองคนนั้นเป็นใครงั้นเหรอ? ทำไมท่านถึงต้องต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเองแบบนี้?”
ต้องรู้ว่าตามปกติแล้ว พัสดีโจวไม่เคยลงมายุ่งเกี่ยวกับนักโทษแบบนี้เลย แต่คราวนี้เขากลับพาใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยมนักโทษด้วยตัวเองแถมคุยด้วยอย่างเป็นการเองอีกต่างหาก
เห็นได้ชัดว่าแขกทั้งสองคนที่เพิ่งกลับไปไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำถามนี้ พัสดีโจวก็ขมวดคิ้วและตวาดกลับ
“อย่าถามอะไรให้มันมากมาย! หน้าที่ของนายตอนนี้คือดูแลน้องชายคนนี้ให้ดี ๆ เอาตัวเขาไปไว้ในห้องขังเดี่ยวเพื่อรอการปล่อยตัววันพรุ่งนี้!”
หลังจากสั่งจบ เขาเดินจากไปในทันที
หากเป็นการคุยกับลูกน้องของตัวเองแล้ว พัสดีโจวนั้นจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเสมอ เขาไม่ยอมให้ใครแข็งขืนหรือตั้งคำถามกับเขาได้ทั้งนั้น
ท้ายที่สุดจอมโหดเหยียนก็ทำได้แต่พาหลี่จิงเทียนกลับเข้าไปในเขตคุมขัง แต่เมื่อเดินผ่านหน้าห้องขังที่เป็นห้องขังรวมซึ่งหลี่จิงเทียนเคยอยู่ หลี่จิงเทียนก็รวบรวมความกล้าและตะโกนขึ้นทันที
“ผู้คุม! ผมขอร้องเรียน! หลายวันที่ผ่านมานี้ผมถูกรังแก!”
ในทันทีที่หลี่จิงเทียนตะโกนขึ้นนักโทษที่อยู่ในห้องขังอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะสบถออกมาอย่างโมโห
“ถุย! แกคิดว่าแกเป็นใครกันวะ? แกมีหลักฐานงั้นหรือไงถึงได้มาปรักปรำพวกฉันแบบนี้? แกคิดว่าจะมีใครเชื่อแกหรือไง?”
“เชื่อไหมว่าหลังจากนี้ฉันฆ่าแกแน่! แม่งเอ๊ย ไอ้ลูกหมา! พออยู่ข้างนอกแล้วปากเก่งกับฉันคนนี้ใช่ไหม!”
“…”
บรรดานักโทษต่างพูดจาข่มขู่และด่าทอกันอย่างดุเดือด ต่อให้หลี่จิงเทียนจะมาจากตระกูลคนรวย พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าผู้คุมจะยอมหนุนหลังไอ้หมอนี่
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าพัสดีของที่นี่เป็นคนที่ไม่เคยยอมให้อิทธิพลจากภายนอกส่งผลกระทบมาถึงข้างในนี้
แต่แล้วจู่ ๆ จอมโหดเหยียนตวาดใส่บรรดานักโทษในห้องขังด้วยสีหน้าเย็นชา
“หุบปากให้หมด!”
หลังจากโดนตวาด นักโทษทั้งหลายพากันเงียบลง
“เอาล่ะ หลี่จิงเทียน นายบอกมาว่ามีคนไหนที่รังแกนาย คนที่กล้าสร้างปัญหาในห้องขังฉันจะไม่ละเว้นมันสักคน!”
จอมโหดเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“ได้ครับ! คนที่รังแกผมคือ เจาตาเปียว หวังฉาง และ…”
จากนั้นหลี่จิงเทียนเอ่ยชื่อคนที่เคยรังแกตัวเองเรื่อย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดมันก็คือทุกคนที่อยู่ในห้องขังเดียวกันกับเขา
บรรดาคนที่โดนเอ่ยชื่อต่างกัดฟันกรอด พวกเขาไม่นึกเลยว่าหลี่จิงเทียน จะกล้าถึงขนาดนี้
“แม่งเอ๊ย! แกเชื่อหรือเปล่าว่าคืนนี้ฉันจะฆ่าแก!”
หลังจากโดนเอ่ยชื่อ หนึ่งในนักโทษก็ทนไม่ไหววิ่งเข้ามาเกาะกรงขังด้วยแววตาอาฆาต
อย่างไรก็ตาม จอมโหดเหยียนก็รวดเร็วเช่นกัน เขาหวดกระบองไปที่มือของนักโทษที่พุ่งเข้ามาจับลูกกรงอย่างรุนแรงจนนักโทษคนนั้นร้องเสียงหลงและลงไปนอนกลิ้งด้วยความเจ็บปวด
“แกคิดว่าที่แห่งนี้แกสามารถทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? นับจากนี้ใครที่กล้าสร้างปัญหาอีกจะถูกฉันส่งเรื่องให้ถูกเพิ่มโทษ!”
จอมโหดเหยียนโมโหขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาไม่นึกเลยว่าจะมีนักโทษคนไหนที่กล้าแสดงท่าทีข่มขู่นักโทษคนอื่นต่อหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม คำพูดของจอมโหดเหยียนดูเหมือนจะได้ผล นักโทษแทบทุกคนต่างเงียบลงไปไม่กล้าพูดอะไรอีก ต้องรู้ว่าพวกเขาเป็นนักโทษคดีเล็ก ๆ ดังนั้นโทษของพวกเขาคือติดคุกไม่นานเท่าไหร่ หากโดนเพิ่มโทษเข้าไปอีกพวกเขาจะถูกส่งไปอยู่เรือนจำถาวรที่มีสภาพแวดล้อมแย่กว่านี้เยอะ
อย่างไรก็ตาม คนที่เพิ่งโดนตีมือไปนั้นเจ็บจนเลือดขึ้นหน้า เขาลุกขึ้นมาและตะโกนอีกครั้งอย่างไม่ยินยอม
“แก! แกจำหน้าของฉันให้ดี ๆ นะไอ้ลูกหมา! เมื่อไหร่ที่ผู้คุมเผลอ ฉันจะบังคับให้แกกินขี้ต่อหน้าทุกคน!”
จอมโหดเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันทันทีเมื่อฟังประโยคนี้จบ เขาเอาตัวมาบังหลี่จิงเทียน และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“หึหึ เสียใจด้วยว่ะ นับจากนี้แกคงไม่สามารถขู่เขาได้อีกแล้ว เพราะวันนี้ฉันจะให้เขาไปอยู่ในห้องขังเดี่ยว และพรุ่งนี้ก็จะมีคนมารับเขาออกไปจากที่นี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]