“พวกคุณทั้งสองฝ่าย พวกคุณต่างก็เป็นผู้ปกครองกันทั้งคู่ ผมขอร้องอย่าทะเลาะกันเลย พวกคุณควรจะตกลงกันด้วยสันติมากกว่า”
ในขณะเดียวกันนี้ ผู้บริหารของโรงเรียนสอนเปียโนก้าวออกมาและพยายามห้ามปรามทั้งสองฝ่าย
แต่ในทางกลับกัน ชายวัยกลางคนไม่มีท่าทีว่าจะยอมอ่อนข้อเลย
“ล้อเล่นหรือไง! เมียของฉันโดนตบ แถมลูกชายของฉันก็ถูกรังแกจนร้องไห้! ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันไม่ยอมแน่ ไอ้พ่อลูกคู่นี้ต้องคุกเข่าขอโทษพวกฉัน!”
“แต่เมื่อครู่ คุณครูประจำชั้นเรียนได้แจ้งกับผมว่าลูกชายของคุณผลักลูกสาวของเขาก่อน…”
“เฮอะ! ฉันไม่สนใจโว้ย! ฉันบอกเอาไว้เลยว่า ถ้าจะจบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ไอ้คู่พ่อลูกนี้มันจะต้องคุกเข่าขอโทษฉัน แต่คุณที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนสอนพิเศษจะต้องไล่นังเด็กผู้หญิงนั่นออกไปด้วย ไม่งั้นแล้ว ฉันจะทำให้โรงเรียนแห่งนี้สอนต่อไปไม่ได้ด้วยการโทรออกเพียงครั้งเดียว!”
ชายวัยกลางคนตวาดกลับอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น จนแม้แต่ผู้บริหารของโรงเรียนก็ยังต้องถอยจากคำขู่
ผู้บริหารโรงเรียนพอจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับชายวัยกลางคนผู้นี้เช่นกันว่าเป็นประธานบริษัทหนึ่งในเมือง และร่ำรวยพอสมควร
หากคนรวยแบบนี้ต้องการที่จะสร้างความยุ่งยากให้กับโรงเรียนสอนเปียโนของเขา มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต่อกรด้วยได้
ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ปกครองที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็พากันกระซิบกระซาบ
“ชายหนุ่มคนนั้นแย่แล้วแน่ ๆ ฉันเคยเห็นหน้าของอีกฝ่ายในหนังสือพิมพ์ จำได้ว่าเขาเป็นประธานบริษัท มันไม่ยากเลยที่คนรวยจะจัดการกับคนธรรมดาทั่วไป”
“เฮ้อ…โชคดีจริง ๆ ที่ลูกชายของฉันไม่ใช่คู่กรณีของอีกฝ่าย ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงต้องยอมเสียหน้า…”
“…”
ถึงแม้ว่าเสียงนินทาจะเบา แต่มันก็ดังพอที่คนอื่นในห้องจะได้ยิน
“เฮ้ย! ฉันกำลังสั่งแกอยู่ แกไม่ได้ยินหรือไง? ถ้าแกกับลูกไม่รีบคุกเข่าให้ฉัน พวกแกสองคนจบเห่แน่!”
ชายวัยกลางตวาดขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้าที่ยังคงโอหังเหมือนเดิมพร้อมกับก้าวเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานจนอยู่ในระยะสองก้าว
“ว่าไง แกสองพ่อลูกจะทำหรือไม่ทำ?” ชายวัยกลางคนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนที่จะถามขึ้นอีกรอบ
“ฮึ่ม! รนหาที่ตาย!”
พลั่ก!!
หลังจากเสียงกระแทกดังขึ้น ชายวัยกลางคนลงไปนอนคุดคู้อยู่ที่พื้นเพราะโดนถีบเข้าที่ท้อง!
อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปเหยียบหน้าของอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชา
“มดแมลงอย่างแกกล้าดียังไงมาบอกให้ฉันคุกเข่า?”
“อ…ไอ้สารเลว! แกกล้าดียังไงถึงถีบฉัน!”
หลังจากได้สติ ชายวัยกลางคนฝืนทนเจ็บและตะโกนด่าขึ้น
เขาคือประธานบริษัทผู้ร่ำรวย แต่จู่ ๆ ตอนนี้เขากลับโดนเหยียบหน้า เขาจะทนการถูกหยามแบบนี้ได้ยังไง?
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง
“แกบอกว่าแกเป็นประธานของบริษัทจิ่นหลานใช่ไหม?”
“ใช่! ฉันบอกแกเอาไว้เลย หลังจากนี้แกไม่รอดแน่! ต่อให้หลังจากนี้แกจะคุกเข่ากราบขอโทษฉันสักพันครั้ง มันก็ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยแกไป! แกกล้าดียังไงถึงมาเหยียบหน้าฉันแบบนี้!!”
ถึงแม้ว่าจะโดนเหยียบหน้าอยู่ แต่ชายวัยกลางคนก็ยังคงแสดงสีหน้าเดือดดาลไม่ได้รู้สึกกลัวเลย
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่าใครจะคุกเข่าให้ใคร!”
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย มันเป็นเรื่องบังเอิญพอดีที่บริษัทจิ่นหลานนั้นเป็นบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบริษัทใหม่ที่ต้องการซื้อสินค้าจากเครือฮ่าวหราน ซึ่งเขาได้ยินเรื่องนี้จากผู้จัดการหวังเมื่อเช้าพอดี ดังนั้นจึงมีข้อมูลของบริษัทจิ่นหลานมากพอที่จะเล่นงานอีกฝ่ายได้
หลังจากคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานโทรออกไปหาผู้จัดการหวังทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]