ด้วยการแต่งตัวธรรมดา ๆ เสื้อเชิ้ตขาวและกางเกงสแล็กสีดำของอวี้ฮ่าวหรานส่งผลให้เขาตกเป็นจุดสนใจของพวกนักเลงในห้องโถงทันที
“ไอ้ละอ่อนนั่นมันใครกันวะ? มันมาเที่ยวผิดวันหรือเปล่า?”
“ดูจากการแต่งตัวของมันแล้ว ไอ้หนุ่มนี่มันไม่ใช่พวกแก๊งแบบเราแน่ ๆ”
“ไอ้เวรนี่มารนหาที่ตายหรือไง?”
บรรดาชาวแก๊งทั้งหลายต่างมองมาที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยความคิดหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคนที่มองต่างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นอวี้ฮ่าวหราน
“ฮ่า ๆ! ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เจอแกอีก!”
คนที่พูดขึ้นคือชายร่างอ้วนที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเจอเมื่อเร็ว ๆ นี้
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองทางต้นเสียงทันที และเขาก็ได้พบว่าคนที่เอ่ยทักเขาไม่ใช่ใครอื่น มันคือเจาหลี่ คนที่เขาเจอที่ภูเขาเหมยซาน!
ตอนนี้ เจาหลี่ยังอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเหมือนเดิม ขาของเขาเข้าเฝือกหนาเตอะ และยังต้องใช้ไม้ค้ำยันในการเดิน
“ฉันขอแนะนำให้แกไปให้พ้นหน้าฉันจะดีกว่า!”
เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่อยากที่จะเสียเวลายุ่งด้วยให้เปลืองแรง เขาโบกมือไล่ในทันที
“ถุย! แกยังกล้าปากดีที่นี่อีกงั้นเหรอ! แกไม่ดูรอบ ๆ ก่อนว่าที่นี่มันที่ไหน! ที่นี่แกทำอะไรฉันไม่ได้อีกแล้ว วันนี้แกตายแน่ แกต้องชดใช้ที่หักขาของฉัน!”
เจาหลี่ชี้หน้าด่าอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเดือดดาล เขาคิดอยู่เสมอว่าจะต้องหาตัวอวี้ฮ่าวหรานให้เจอเพื่อจะได้แก้แค้น ซึ่งในวันนี้ในที่สุดเขาก็ได้เจออีกฝ่าย!
ช่างเป็นความบังเอิญที่ยอดเยี่ยม เพราะในวันนี้พ่อของเขาก็มาที่นี่ด้วย!
“แกตายแน่! แกจำได้ใช่ไหมว่าฉันเป็นลูกชายของหัวหน้าแก๊งอินทรี! วันนี้ฉันจะบอกให้พ่อของฉันฆ่าแกเพื่อล้างแค้นให้ฉัน!”
ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนหัวล้านผู้หนึ่งก็เดินฝ่าฝูงชนออกมาและตะโกนขึ้น
“หลี่เอ๋อร์ มีเรื่องอะไร?”
หลังจากชายวัยกลางคนถามจบ ชายฉกรรจ์อีกเกือบยี่สิบคนก็เดินตามหลังออกมา
ชายหัวล้านคนนี้ดูเหมือนจะมีอำนาจพอตัวเพราะตั้งแต่ที่เขาโผล่มา พวกหัวหน้าแก๊งเล็กอื่น ๆ ต่างก็พากันถอยห่าง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแก๊งเล็กเหมือนกัน แต่มันก็ยังมีความต่างในด้านของความแข็งแกร่ง
แก๊งอินทรีนั้นถึงแม้จะเป็นแก๊งเล็ก แต่พวกเขานับได้ว่าเป็นแก๊งเล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแก๊งเล็กด้วยกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขาสักเท่าไหร่
“พ่อ! ไอ้เวรนี่ไงที่มันหักขาผม!”
เจาหลี่ชี้ไปที่อวี้ฮ่าวหรานทันที
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำฟ้องของลูกชายตัวเองเช่นนี้ หัวหน้าแก๊งอินทรีวัยสี่สิบซึ่งมีกล้ามเป็นมัด ๆ ก็หันไปจ้องเขม็งที่อวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว
“แกเองเหรอที่รังแกลูกชายของฉัน?”
ในขณะที่พูด เขามองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถ่มน้ำลายอย่างดูถูก
แต่ก่อนที่ อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้ตอบอะไรกลับไป เจาหลี่ตะโกนขึ้นแทรกก่อน “พ่อ! มันนี่แหละที่รังแกผม! พ่อเอามันเลย! ฆ่ามันให้ผมเลย! ผมอยากแก้แค้นมัน!”
“หุบปากไปเดี๋ยวนี้! ทั้ง ๆ ที่วันนั้นแกพาคนไปด้วยตั้งเยอะตั้งแยะแต่กลับทำอะไรไอ้ละอ่อนนี่ไม่ได้ แกนี่มันไม่ได้เรื่องจนฉันต้องมาตามล้างตามเช็ดให้!”
เจาอิงหันกลับไปตะคอกใส่ลูกชายตัวเอง ส่งผลให้เจาหลี่ยอมหุบปากไปในทันที
หลังจากห้องโถงเงียบไปได้ครู่หนึ่ง เจาอิงก็หันกลับมาหาอวี้ฮ่าวหราน อีกครั้งเดี๋ยวสีหน้าเย็นชา
“เอาล่ะ ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันต้องคิดบัญชีกับแกแทนลูกชายไม่ได้เรื่องของฉันแล้ว!”
ในระหว่างที่พูด เจาอิงเดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าแก แต่ในเมื่อแกหักขาลูกชายฉัน ดังนั้นฉันจะขอขาแกทั้งสองข้าง เพื่อที่ในวันหน้าเวลาแกเจอฉัน แกจะได้คลานมาหาได้อย่างเดียวแบบนี้แกว่ายุติธรรมดีไหม?”
เจาอิงคิดมาดีแล้วกับการแก้แค้นเช่นนี้ การฆ่าอีกฝ่ายมันไม่ได้สร้างความกลัวเท่ากับปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่รอดในสภาพน่าอนาถ เมื่อคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ มันจะไม่มีใครกล้าแตะต้องลูกชายของเขาอีก
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับหัวเราะขบขันเมื่อได้ยินคำพูดนี้
“ฮ่า ๆ ถ้าแกอยากได้ขาฉัน แกต้องแสดงให้ฉันเห็นก่อนว่ามีปัญญาหรือเปล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]