EP18
@MMU.
“ไง…แต่ละวันไม่ให้พ่อพักสมองเลยนะมึง” เสียงของไฟนอลเอ่ยทักทิศเหนือที่เดินเข้ามาในห้องชมรมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่ร่างหนาจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา ซึ่งภายในห้องสี่หนุ่มนั่งกันอยู่ครบ
“เสือกมายุ่งกับกูก่อน” ทิศเหนือตอบไม่ใส่ใจนัก มือเอื้อมหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ถึงแต่ละคนจะเรียนคนละสาขาแต่ก็มักจะปลีกตัวมาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ส่วนเพื่อนในสาขาเดียวกันก็พอคุยได้แต่ไม่ค่อยสนิท…
“แล้วกับว่าที่เมียทาสมึงจะหมั้นวันไหนว่ะ?”
“พูดขึ้นมาหาหอกอะไร”
“แล้วนี้มึงรู้รึยังเมียทาสมึงจะเข้ามาเรียนที่นี้” ไฟนอลพูดขึ้นมา ทำเอาทิศเหนือที่กำลังนั่งเป่าควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องหันหน้ากลับมามองหน้าไฟนอล เรียวคิ้วขมวดยุ่ง มาเรียนที่นี้งั้นหรอ?
“เกี่ยวไรกับกู”
“มึงไม่ถามหน่อยหรอว่าเมียทาสมึงจะเข้าคณะไหน” ไฟนอลถามยํ้า
“เรื่องของแม่งมันดิ” ชายหนุ่มกระแทกเสียงตอบ แต่ข้างในกลับหงุดหงิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาต้องการรู้คำตอบว่าทำไมนิวาไม่ยอมบอกสักคำ จะปิดบังอะไรขนาดนั้น?
“นี้ขนาดมึงบอกว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองหน้าถึงกับพันกันเป็นส้นตีนเลยหรอว่ะ”
“เสือก”
“แถ” ประโยคสั้นๆเพียงคำเดียวจากดีไวน์ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นมา ทำให้สามหนุ่มหันไปมองที่เขาเพียงคนเดียว โดยเฉพาะทิศเหนือที่ถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะยกมือถือขึ้นมาแล้วโยนมันลงโซฟาอีกครั้ง เหมือนอยากจะโทรถามนิวาให้มันรู้เรื่องแต่ก็กลัวเสียท่า…
“กูละอย่างชอบ” เพิร์ธพูด
พรึบ !
“เผื่อดีขึ้น” ดีไวน์คว้าซองอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนลงบนโต๊ะ ทิศเหนือปรายตามองเพียงเล็กน้อยแล้วคว้าซองสีใสที่บรรจุสารนิโคตินขึ้นมาก่อนจะเดินไปหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาแล้วจัดการเทสิ่งเสพติดเข้าไป…
“ตัวใหม่หรอว่ะ?” ไฟนอลเอ่ยถามแล้วตวัดท่อนขาขึ้นพาดกัน
“ลองไหม”
“ไม่ว่ะ…นานๆทีดีกว่าเดี๋ยวเมียงอน”
“อย่าไปคุยกับไอ้โบ้เลย มันเชื่องกับเจ้าของมันจะตาย” เพิร์ธพูดแขวะเพื่อนที่สละโสดไปคนแรกของกลุ่ม นักเลงหัวไม้ที่กลับใจกลายเป็นไอ้โบ้แทน แถมยังเชื่องและเชื่อฟังเจ้าของเป็นไหนๆ
“มึงว่ากูเป็นหมา?”
“เออสัส”
“เดี๋ยวแม่งพวกมึงก็จะตามกูมาทีละตัว” ไฟนอลชี้หน้าเพื่อนคาดโทษ เพิร์ธยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่ได้ยินมันตลกนักหนา ส่วนดีไวน์ไร้ความรู้สึกใดๆ มือหนาคว้ายาตัวใหม่ของดีไวน์ขึ้นมาแล้วเดินผ่านร่างไฟนอลไป
“แต่ตอนนี้ตำแหน่งไอ้โบ้ประจำกลุ่มเป็นของมึงครับ”
“กูยอมเป็นหมาถ้าเจ้าของกูคือลูกพีช”
“น้ำเน่า” ดีไวน์ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างขอไปที…
…
18 : 30 AM.
“อ้าวหนูนิ…นอนเต็มที่แล้วหรอ”
“ค่ะ…แล้วนี่ทำอาหารทำไมกันเยอะแยะคะ ดูน่ากินจัง”
“ก็วันนี้คุณกรเดชเพื่อนคุณไกรกลับมาจากต่างประเทศพอดีเลยถือโอกาสมาทานข้าวด้วยกันและยินดูกับหนูนิด้วยยังไงล่ะ” สีจันทร์เอ่ยตอบในขณะที่กำลังสารวนอยู่กับการทำเมนูอาหารที่ไกล้จะเสร็จแล้ว นิวาหยุดครุ่นคิดเพียงครู่เดียวก็นึกออกว่าผู้ชายคนนั้นคือพ่อของอิฐ…
“งั้นเดี๋ยวนิช่วยนะคะ”
“นี้…เท้าเจ็บอยู่ไปนั่งรอเลย เดี๋ยวทางนี้พี่กับป้าจัดการเอง”
“แต่นิอยากช่วย…”
“เถอะหน่า” แก้วตาเดินมาจับไหล่มนให้กลับไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อนั่งรอเฉยๆก่อนจะเดินกลับไปทำอาหารต่อ เด็กสาวจึงจำใจนั่งลง ตอนนี้เธอเตรียมตัวจะออกไปบ้านของทิศเหนือแล้วแต่คงหลังจากทานอาหารเสร็จ…
“หนูนิ มาหาฉันหน่อย”
แพรพรรณเดินเข้ามาในห้องครัวแล้วเอ่ยเรียก ใบหน้าหวานเจือความเศร้าจึงหันกลับไปมองยังต้นเสียง ร่างเล็กหยัดกายขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินไปหาแพรพรรณ…
“คุณแพรมีอะไรรึป่าวคะ”
“คุณไกรให้ฉันมาเรียกหนูไปคุยกับผู้ใหญ่ในฐานะลูกสะใภ้หน่อย”
“เอ่อ…จะดีหรอคะ”
“ไม่ต้องกังวลอะไรนะ แล้วก็อย่าเรียกแบบเดิมให้เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ เข้าใจใช่มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ…” นิวาพยักหน้าตอบเบาๆ แพรพรรณจึงส่งยิ้มให้แล้วจูงมือหญิงสาวออกมาที่ห้องอาหาร โดยที่เกรียงไกรนั่งบนหัวโต๊ะ ข้างกายคือแพรพรรณและกรเดช ส่วนนิวาและอิฐนั่งตรงข้ามกัน…
“สวัสดีค่ะ”
“…ครับ” กรเดชพยักหน้าตอบแล้วหันไปคุยกับเพื่อนสนิทที่นั่งมองหน้าเด็กสาวอยู่ นิวาเผลอสบตากับอิฐเพียงแวบเดียวก็เป็นเธอเองที่ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา… “ลูกสะใภ้นายน่ารักน่าเอ็นดูจังเลยนะ ตาอิฐจะหาได้แบบนี้รึเปล่าก็ไม่รู้”
กรเดชพูดติดตลกแล้วหันไปมองหน้าลูกชายที่วันนี้นึกยังไงยอมออกมาข้างนอกพร้อมกับเขาทั้งที่แต่ก่อนชวนมาบ้านเกรียงไกรทีไร อิฐไม่เคยจะยอมออกมาด้วยเลยสักครั้ง จนวันที่เขาให้มาส่งของขวัญให้กับเกรียงไกรแทนนับตั้งแต่วันนั้นมาชายหนุ่มก็อยากออกมาบ้านของเกรียงไกรบ่อยๆ เขาเองก็แอบแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป…
“ตาอิฐออกจะหน้าตาดี เรียนเก่ง มีฐานะ คงหาได้ไม่ยาก นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเจอตั้งแต่เด็กๆตัวเท่ากำปั้นมาเจอจริงๆอีกทีก็วันนี้โตเป็นหนุ่มจนจำแทบไม่ได้”
“แต่ติดตรงที่ว่าลูกชายฉันมันชอบใครยากหน่ะสิ คงได้เชื่อพ่อมาเต็มๆ” กรเดชพูดจบทั้งสองก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันตามประสาเพื่อนสนิทรวมถึงแพรพรรณที่อมยิ้มบางๆพลอยมีความสุขไปด้วย “เออนี่…แล้วลูกชายนายล่ะ ทำไมไม่ชวนมาทานข้าวด้วยกัน ฉันยังไม่เคยเห็นจริงๆเลยสักที อยากจะทักนิดหน่อย”
“รายนั้นเขาแยกออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวหน่ะ ไม่ค่อยจะออกมาบ้านหรอก เดี๋ยวถ้านายอยากเจอฉันจะลองโทรไปให้”
“ก็ดีเหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทาสรัก