ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง นิยาย บท 30

เมื่อทั้งหมดมาถึงก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคนถูกจับตัวไปแล้วเพราะร่องรอยการต่อสู้ขัดขืนยังมีให้เห็นเด่นชัด

“ผมคิดว่ามันน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองคนนะครับนาย เท่าที่ดูตามรอยรถพวกมันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก” กาซิมบอกและมองตามรอยรถไป

“เราไปเลยไหมครับนาย” นาธาลหันมาถามนายหนุ่ม

“ให้คนของเราติดตามรอยรถนี้ไป ดูซิว่ามันมุ่งหน้าไปทางไหน ใครที่มันกล้าคิดล่วงคองูเห่าอย่างฉันมันคิดผิดแน่นอน” ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน

“ผมไปเองครับนายผมเป็นห่วง....” กาซิมมองสบตานายหนุ่มแน่วแน่

“ฉันก็เป็นห่วงมีนะไม่แพ้นายเหมือนกันกาซิมแต่ก็ตามใจนายแล้วกัน นาธาลสั่งคนมาลากรถคันนี้กลับบ้าน ที่เหลือแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามเดิม ได้ผลยังไงโทรบอกฉันด้วย” ชายหนุ่มสั่งและก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ กาซิมพร้อมลูกน้องอีก 3-4 คนขับรถมุ่งตรงไปยังทิศที่รถคันนั้นทิ้งรอยเอาไว้ดีที่เป็นถนนแถวชานเมืองยังไม่มีลาดยางและมีรถผ่านไม่มากจึงสังเกตได้ง่าย

ชายหนุ่มนั่งหลับตานิ่งมาตลอดทางกลับบ้านในใจของเขาก็เฝ้าภาวนาให้หญิงสาวทั้งสองคนปลอดภัย เขาแน่ใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับหญิงสาวชาวไทยคนนั้น เมื่อไม่มีเธอเขาถึงได้แน่ใจในความรู้สึกของตนเอง...แล้วถ้าพวกมันทำอะไรหล่อนเขาคง...ชายหนุ่มหยุดคิด เขาต้องคิดไปในทางบวกเอาไว้ก่อนถ้ายังไม่แน่ใจ แล้วใครกันที่จับตัวสองคนไปหรือว่าพวกที่เขาเข้าไปขัดขวางธุรกิจหรือว่าเป็นนักเลงกลุ่มไหนกันแน่นี่แหล่ะข้อเสียของคนที่ใหญ่โตเกินไปในทางสังคมคนรอบข้างมักต้องตกอยู่ในอันตราย

“นายครับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” นาธาลมองผ่านกระจกหลังเห็นสีหน้าของจามาลไม่สู้ดีนักจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ

“นายห่วงคุณอินมากหรือครับ”

“ฉันก็ห่วงทั้งคู่นั่นแหล่ะ” ชายหนุ่มตอบ

“แต่ก็คนละความรู้สึก” นาธาลย้ำ ชายหนุ่มลืมตามองคนสนิทตาขวาง

“นายมีหน้าที่ขับก็ขับไป ไม่ต้องพูดมาก”

นาธาลอมยิ้ม...เขาอยู่กับชายหนุ่มมาหลายปีมีหรือที่อีกฝ่ายคิดอะไรแล้วจะรู้ไม่ทันกันในสายตาของเขานายของเขาดูเหมาะกับหญิงไทยคนนี้มากกว่าแฟนสาวที่ชื่อฟีน่าเสียอีก

มณีอินขยับตัวช้าๆเพราะรู้สึกเมื่อยและลืมตาขึ้นมองกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ผนังทั้งสี่ด้านเป็นผนังทึบไม่มีช่องหน้าต่างมีแต่ช่องระบายลมด้านละสองช่องอยู่เหนือขึ้นไปเกือบติดกับเพดาน หญิงสาวก้มลงมองคนที่ยังนอนสลบอยู่ด้านข้าง ทั้งมือและเท้ายังถูกมัดเอาไว้แน่นเธอจึงใช้สีข้างเข้าถูไปมากับตัวคนที่นอนอยู่

“ยามีนะ ยามีนะเป็นอะไรหรือเปล่า” มณีอินมองอย่างชั่งใจเมื่อเด็กสาวยังนอนแน่นิ่งอยู่ จนกระทั่งร่างบางเริ่มขยับเล็กน้อยเธอจึงถอนใจอย่างโล่งอก

“เป็นไงบ้าง” หญิงสาวถาม ยามีนะค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้องอย่างตกใจ

“เราอยู่ไหนคะพี่อิน”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” หญิงสาวบอก

“แล้วมันจะฆ่าพวกเราหรือเปล่า” เด็กสาวถามเสียงสั่นด้วยความกลัว

“ไม่ต้องกลัว พี่เชื่อว่าเราจะต้องปลอดภัยถ้ามันคิดจะฆ่าเรามันคงไม่เอามาขังไว้แบบนี้แน่” หญิงสาวพูดตามที่ตนเองคิด

“พี่ชายจะรู้หรือเปล่าว่าพวกเราถูกจับมาไว้ที่นี่” ยามีนะพูดขึ้นลอยๆทำให้หญิงสาวเงียบไป ถ้าจะเป็นห่วงก็คงมีแค่น้องสาวของเขาเท่านั้น ส่วนเธอจะอยู่หรือจะตายเขาคงไม่สนใจแน่ ถ้าตายเขาก็ยิ่งดีใจจะได้หายแค้น...หญิงสาวคิดในใจ

“ฟื้นแล้วหรือสาวๆ” เจ้าคนร้ายทั้งสามเดินเขามาและวางกล่องข้าวลงก่อนที่จะเดินอ้อมมาแกะเชือกที่มือให้และเดินกลับไปที่เดิม

“กินซะพวกฉันจะคอยดู อย่าคิดหนีเด็ดขาดเพราะที่นี่มันมีแต่อันตราย หนีก็ตาย” มันทำเสียงขู่ มณีอินรีบคว้ากล่องข้าวมาและส่งให้เด็กสาวหนึ่งกล่องและตัวเองหนึ่งกล่อง

“ว่าง่ายๆแบบนี้จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

“เดี๋ยว กี่โมงแล้ว” หญิงสาวถามเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ไม่มีรอดผ่านเข้ามาในห้องให้เห็นเลย

“ สองทุ่มแล้วถามทำไม รีบๆกินจะได้พักผ่อน”

“พวกนายคงไม่ใช่โจรธรรมดาแน่ๆไม่งั้นคงไม่พูดภาษอังกฤษได้คล่องขนาดนี้แน่” หญิงสาวมองพวกมันอย่างครุ่นคิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง