แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดส่งเข้ามาภายในห้องเช่าของอพาทเม้นแห่งหนึ่งในเขต อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี มณีอินหรืออิน ใช้เป็นที่พัก เมื่อคืนเธอเร่งเขียนต้นฉบับส่งทาง สำนักพิมพ์จนดึก เธอเป็นนักเขียนอิสระมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด พี่สาวคนโตทำงานเป็นพยาบาลและแต่งงานกับนายแพทย์โรงพยาบาลในตัวเมืองกาญจนบุรี ส่วนพี่สาวอีกคนเป็นเลขาอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และกำลังถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับลูกชายของคนอาหรับที่พ่อเคยช่วยเอาไว้ เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยและเป็นที่จับตามองของพวกสาวไฮโซมากมายหลายประเทศ ที่เธอ
ออกมาอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะไม่ต้องการให้มารดาจับคู่ตนเองกับใครเหมือนพี่สาวทั้งสองคน
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง ” เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้นรบกวนเวลานอนของมณีอินเป็นอย่างมาก เธอใช้มือคว้านไปที่หัวเตียง ทั้งที่ตายังหลับอยู่ แล้วยกขึ้นมาแนบหู พร้อมกับกรอกเสียงลงไปอย่างรำคาญ
“ฮัลโล มีธุระอะไรคะโทรมาแต่เช้า เอาไว้สายๆค่อยโทรมาไหมนะคะ” เธอทำท่าจะวางสายแต่เสียงต้นสายแหวใส่มาเสียก่อนทำให้เธอตาสว่างทันที
“ยัยอินตื่นได้แล้วนี้แม่เองนะ ”
“คะ ว่าไงค่ะแม่”
“แก่ยังไม่ออกมาจากห้องอีกหรือนี่มันจะ 7 โมงเช้าแล้วนะ”
“โธ่ แม่คะหนูเพิ่งได้นอนเมื่อกี้นี้เองนะคะ”
“แก่จำไม่ได้หรือไงว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของพี่สาวแก” มณีอินรีบลุกพรวด เธอลืมไปแล้วจริงๆ
“ฉันให้เวลาแก่ 1 ชั่วโมงต้องมาให้ถึงบ้านภายในเวลาที่กำหนดไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ดู”
“ค่ะ ค่ะ หนูจะรีบไปค่ะคุณแม่จอมบงการ”
“เอ๊ะ ยัยลูก...” มณีอินไม่ปล่อยให้แม่เธอด่าจนจบเธอรีบวางหูไปเสียก่อน แล้วบิดขี้เกียจ ก้าวลงจากเตียงนอนแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ และออกมาพร้อมกับชุดแซกยาวแค่เข่าสีชมพูมีลูกไม้ที่ชายกระโปรง แขนเสื้อเป็นสายเดี่ยว รูปร่างของเธอเหมาะที่จะเป็นนางแบบมากกว่านักเขียน ด้วยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวนวล ผมซอยสั้นแบบสาวทันสมัย ใบหน้าเรียวยาวจมูกโด่ง คิ้วดำ ตาโต ขนตายาวโดยไม่ต้องเสริมแต่ง ใครๆก็บอกว่าเธอมีหน้าตาเหมือนบิดาของเธอ บิดาของเธอเป็นทหารยศร้อยเอก และเสียชีวิตตอนที่ออกไปลาดตระเวนกับลูกน้องที่รอยต่อประเทศพม่าและไทย เธอภูมิใจในตัวบิดามาก
“พ่อคะ วันนี้พี่กานต์จะหมั้นแล้วนะคะถ้าพ่ออยากเห็นลูกสาวมีความสุขก็ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ด้วยเถอะค่ะ” เธอรู้ว่าพี่สาวของเธอรักชอบอยู่กับนายตำรวจคนหนึ่งแถวๆปทุมธานี เธอเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งตอนที่เธอเข้าไปกรุงเทพฯและไปพักกับพี่สาวของเธอ เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากและใจดีด้วย
มณีอินขับรถมาถึงหน้าบ้านซึ่งอยู่อีกอำเภอหนึ่งบ้านของเธอเป็นบ้านสองชั้นด้านบนเป็นไม้และด้านล่างเป็นปูนแขวนฝ่าสีเขียวอ่อน ด้านหน้าบ้านเป็นลานสนามหญ้า มณีอินมองภาพเบื้องหน้าอย่างรัดทดใจ เธอเห็นผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูงของจังหวัดหลายคนและเพื่อนที่เป็นทหารรุ่นเดียวกับบิดาของเธอ และชาวอาหรับอีกประมาณ 20 คนเห็นจะได้ คงเป็นงานใหญ่มากเพราะฝ่ายชายเป็นถึงลูกชายของเจ้าของบ่อน้ำมันและบริษัท
ส่งออกเส้นใยผ้าสังเคราะห์ที่ส่งออกไปทั่วโลก
“ป่านนี้แม่คงยิ้มแก้มปริไปแล้วมั้ง” มณีอินคิดในใจแล้วเดินลงจากรถตรงเข้าไปด้านในตัวบ้าน เธอเห็นพี่สาวคนโตเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสามี เธอจึงเดินเข้าไปหาแล้วยกมือไหว้
“ มาแล้วหรืออิน แม่จะกินแกได้ทั้งตัวแล้วนะท่าทางเขาโมโหแกมากด้วย” เสาวลักษณ์รับไหว้น้องสาวแล้วเดินมานั่งที่โซฟา
“ อินไม่อยากมาเลยค่ะ สงสารพี่กานต์เขาจังเลย ”มณีอินนั่งลงข้างๆแล้วพูดเสียงอ่อยๆ
“พี่ก็สงสารแต่จะทำอะไรได้ท่านเป็นแม่ของเรานะ”
“แล้วตอนนี้พี่กานต์อยู่ที่ไหนคะ”
“อยู่ในห้องแต่งตัวกับคุณแม่จ้ะ เราจะขึ้นไปหรือ” เสาวลักษณ์ถามน้องสาว
“ไม่ค่ะ ขี้เกียจทะเลาะกับแม่ค่ะ”
“เดียวเราก็ต้องเจออยู่ดี” ผู้เป็นพี่เขยเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ แขกเยอะแม่ไม่กล้าโวยวายแน่คะ”มณีอินรีบออกตัว เพราะรู้นิสัยแม่ของเธอดีว่ารักหน้าตาของตัวเองมากขนาดไหน
ทั้ง 3คนกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกจนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางบันไดบ้าน
“มาได้แล้วหรือย่ะแม่ตัวดี” คุณประภาวดีเดินลงมาแล้วพูดเหน็บลูกสาวคนเล็กพร้อมกับส่งค้อนให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง