ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 114

ลู่อี้เอนกายพลางหลับตาลงบนเกวียนวัว ร่างกายของเขาเอนเอียงไปมาดุจน้ำในแก้วที่กวัดแกว่ง

มู่ซืออวี่จ้องมองพลางคลุมร่างกายของลู่อี้ด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ ในมือนาง จากนั้นจึงนำเศษผ้าราวสองสามผืนยัดข้างกายเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายชนเสาของเกวียนวัว

ตุบ! เกวียนวัวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

มู่ซืออวี่เซเข้าไปในอ้อมแขนของลู่อี้

เมื่อได้กลิ่มหอมอันเจือจางของสบู่ รู้สึกถึงแผ่นอกที่แข็งกระด้างและเสียงหัวใจเต้นระรัว มู่ซืออวี่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทำได้เพียงถอยกลับไปอย่างเชื่องช้า

ขนตาของลู่อี้สั่นไหว คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย นิ้วมือเอื้อมจับสัมภาระที่อยู่ด้านข้าง

เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายของหญิงสาว ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับเครื่องหอมที่นางชื่นชอบ

นางเป็นหญิงที่มีเสน่ห์และดึงดูด ผมของนางส่งกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ เสื้อผ้าก็มีกลิ่นหอมแบบเดียวกันปะปนอยู่ด้วย

แรงกระแทกจากเกวียนวัวทำให้ริมฝีปากของนางปัดป่ายไปทั่วแผ่นอกของเขา อีกทั้งยังทิ้งรอยเฉอะแฉะเอาไว้

นุ่มมาก!

ริมฝีปากของนางนุ่มละมุนดุจเค้กข้าวที่นางทำขึ้นครั้งก่อน

มู่ซืออวี่ก้มตัวลงก่อนจะแอบเงยหน้าขึ้นมองเขา เมื่อเห็นว่าลู่อี้ยังไม่ตื่นจากการหลับใหล นางก็รู้สึกโล่งใจ

ทว่าเกิดแรงกระแทกจากเกวียนวัวอีกครั้ง

แขนทั้งสองข้างของนางหมดเรี่ยวแรงที่จะพยุง ร่างกายของนางแนบชิดกับลู่อี้ทันที

ใบหน้าของมู่ซืออวี่ประกบอยู่บนตักของเขา นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน แก้มจึงพลันแดงระเรื่อ นางรีบถอยกลับด้วยความรู้สึกเขินอาย เอนกายลงนั่งที่มุมหนึ่งของเกวียนวัว

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาตื่นแล้วจ้องมองนางด้วยสายตาประหลาดใจ มู่ซืออวี่ก็ตื่นตระหนก อธิบายอย่างเขินอาย

“ขออภัย… ข้า… ข้าเพียงอยากปกป้องเจ้าก็เท่านั้น”

ความประหลาดใจฉายแววชัดยิ่งขึ้นในดวงตาของลู่อี้ เขากลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างน่าอึดอัด มู่ซืออวี่เหลือบมองลู่อี้ เมื่อเห็นว่าเขาหลับตาลงอีกครั้ง นางก็รู้สึกโล่งใจในทันที

หรือว่า…

เขายังคงสับสนอยู่ใช่หรือไม่?

นางควรตระหนักได้ว่าใบหน้าของตนแสดงความเขินอายออกมามากเพียงใดในตอนนี้

“พวกเจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เสียงของมู่ต้าหนิวดังขึ้นจากด้านหน้า “ถนนเส้นนี้มีแต่ก้อนกรวดขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีหลุมบ่อนับไม่ถ้วน”

“ไม่เป็นอะไร” มู่ซืออวี่กล่าว “ต้าหนิว ขับให้ช้าลงอีกนิดเถิด เราไม่ได้รีบร้อนอะไร”

ลู่อี้ไม่เอ่ยสิ่งใดเลย ท่าทีของเขาดูง่วงงุนอย่างมาก

มู่ซืออวี่ค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลาย เปลือกตาของนางเริ่มหนักขึ้นเพราะความง่วง จึงเอนกายลงทันที

เมื่อนางตกสู่ห้วงแห่งความฝัน ดวงตาที่หลับอยู่ของลู่อี้ก็เปิดขึ้น

เขาลุกขึ้นพลางเหยียดแขน จากนั้นจึงเอนกายพิงผนังเกวียนวัว วางศีรษะมู่ซืออวี่ไว้บนตักของเขา

เขานำเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่มู่ซืออวี่เคยคลุมตัวให้มาคลุมตัวนาง

จิ๊บ จิ๊บ…

เสียงนกร้องปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากหลับใหล

เมื่อนางลืมตาขึ้นก็พบว่าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีครามแล้ว แสงแรกของวันกำลังจะปรากฏ ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เฉิดฉายสู่ท้องนภาอันกว้างใหญ่

“ดวงอาทิตย์ขึ้น” นางลุกขึ้นนั่งทันทีพลางจ้องมองไปยังชายที่อยู่เคียงข้าง

ชายผู้นั้นตะโกนลั่นพลางจ้องมองนางด้วยความสับสน “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ดูนั่นเถิด…” มู่ซืออวี่จ้องมองบนท้องฟ้าอย่างมีความสุข “ดวงอาทิตย์ขึ้น! งดงามมาก”

ลู่อี้จ้องมองไปยังทิศทางที่นางชี้

ไม่รู้ว่าความคิดของนางเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่ดวงอาทิตย์ที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเช้าวันนี้ช่างงดงาม

แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้เห็นดวงอาทิตย์ แต่สภาพจิตใจของนางในเวลานี้แตกต่างออกไป

มู่ซืออวี่ดูแปลกไปจากเดิม นางได้เดินทางเข้าไปในเมืองหลายครั้ง แต่ครั้งแรกที่เดินทางเข้ามานางไม่ได้สังเกตถึงสิ่งเหล่านี้ ครั้งที่สองและสามก็เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความกังวล แต่วันนี้นางนั่งอยู่บนเกวียนวัว มองเห็นความงดงามของดวงอาทิตย์ขึ้นในยามที่ลืมตาตื่นชัดเจน ช่างเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยาก

“วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่”

มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นพลางหลับตา เพลิดเพลินไปกับแสงแดดที่สาดส่องลงมา

ลู่อี้จ้องมองนาง “หากเจ้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็หยุดพักเสียก่อนเถิด”

“ไม่เหนื่อย ข้าไม่เหนื่อย” มู่ซืออวี่โบกมือ “ข้าชอบวิถีชีวิตเช่นนี้”

“นี่สำหรับเจ้า” ลู่อี้หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากแขนเสื้อของเขา

“นี่เป็นเพียงเศษเงิน ข้าได้มาจากผู้ใจบุญเมื่อวานนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย