ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 162

หลังจากเข้ามาในเมือง สองสามีภรรยาก็แยกจากกัน

ลู่อี้มองมู่ซืออวี่บังคับรถม้าค่อย ๆ ห่างออกไป

ปึก…

มีคนคนหนึ่งตบไหล่ของเขา

“สองสามีภรรยาคู่นี้จะหวานกันเกินไปแล้วหรือไม่?” นักการเกายิ้มกริ่ม

ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “ทำให้พี่เกาต้องขบขันแล้ว”

“ไม่หรอก ตอนนี้ชายที่รู้จักรักถนอมภรรยาของตนมีไม่มากแล้ว ข้ามีน้องสาวหนึ่งคน ตอนนี้นางกำลังพูดคุยเรื่องแต่งงาน ข้าหวังแค่นางจะได้พบบุรุษที่รักใคร่เอาใจใส่นาง” นักการเกาทอดถอนใจ

“จะต้องพบแน่นอน”

“จริงสิ…” นักการเกามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอียงเข้ามาใกล้ ๆ ชายหนุ่ม “เมื่อคืนนี้ มีคนปีนเข้าไปในห้องตำราของใต้เท้า ตอนนี้ใต้เท้ากำลังโมโหยกใหญ่เชียวล่ะ ท่านต้องระวังตัวล่ะ”

“ขอบคุณพี่เกา” ลู่อี้กล่าวขอบคุณจากใจ “มิตรภาพที่ท่านให้ จะสลักลึกลงในใจข้าอย่างแน่นอน”

นักการเกาตบไหล่ของลู่อี้ “พวกเราเหล่าพี่น้องไม่จำเป็นต้องเกรงใจกัน”

ลู่อี้เข้ามาในห้องของนายอำเภอฉินก็เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตรงข้ามกันนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหลายคนนั่งคุกเข่าอยู่

“ใต้เท้า” ลู่อี้คำนับ

เมื่อนายอำเภอฉินเห็นว่าเป็นใครก็เอ่ยว่า “เจ้ามาพอดี เมื่อคืนนี้มีโจรลอบย่องเข้ามาในห้องตำรา ถุงสุรากับกระสอบข้าว*[1] เหล่านี้กลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย”

“ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดหายไปหรือไม่ขอรับ?” ลู่อี้เอ่ยถาม

นายอำเภอเอ่ยกับเจ้าหน้าที่ทางการที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ทุกคนไปรับโทษ โบยคนละยี่สิบไม้”

“ขอรับ” เจ้าหน้าที่ทางการจึงออกไป

ลู่อี้ปิดประตู มองนายอำเภอฉินด้วยความกังวล “ใต้เท้า คงไม่ใช่…”

นายอำเภอฉินจิตใจร้อนรนกระสับกระส่าย “ตราประทับทางการหายไป”

“ตราประทับทางการหายไปแล้ว หากเป็นสถานเบาก็เท่ากับโยนหมวกวูซา*[2] ทิ้งไป แต่หากเป็นสถานหนัก…” ลู่อี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “หัวขโมยผู้นั้นขโมยตราประทับทางการไปทำอะไร? ตราประทับทางการก็ไม่ได้สำคัญอะไร ถือไว้ก็แค่นั้น นอกเสียจาก…”

“มีคนคิดจะทำร้ายข้า” นายอำเภอฉินตบโต๊ะดังโครม “อุบายเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจ ไร้ยางอายจริง ๆ”

“ใต้เท้า ไม่รู้ว่าจะมีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่” ลู่อี้มองไปรอบ ๆ “เอกสารราชการมากมายต้องใช้ตราประทับทางการ หากไม่มีตราประทับ เมืองฮู่เป่ยแห่งนี้เกรงว่าจะสูญเสียการควบคุม เราจะต้องหามันกลับมาโดยเร็ว”

“นี่เป็นเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามา ลู่อี้ เจ้าหลักแหลมมาโดยตลอด ตอนนี้ข้าได้แต่พึ่งเจ้าแล้ว สิบวัน ข้ายื้อได้มากสุดสิบวัน เจ้าจะต้องช่วยข้าหาตราประทับให้เจอ”

มู่ซืออวี่ซื้อของใช้ที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นึกถึงร้านของเจิ้งซูอวี้ขึ้นมา นางจึงบังคับรถม้าไปที่นั่น

เพียงแค่เลี้ยวโค้งมาเท่านั้น จู่ ๆ ก็มีคนออกมาจากตรอกข้าง ๆ

“หลบไป! หลบไป!” มู่ซืออวี่เห็นเช่นนี้ก็ตะโกนดังลั่น

สตรีผู้นั้นมองมาทางนางด้วยสายตาว่างเปล่า

ตุบ!

ร่างของสตรีผู้นั้นเซถลา ก่อนจะล้มลงไปข้างหลัง

มู่ซืออวี่รั้งสายบังเหียนม้าไว้ได้ทันเวลา หลังจากหยุดรถม้าได้แล้วก็รีบร้อนเข้าไปตรวจดู “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

คนผู้นั้นคลำไปรอบ ๆ “ไม้เท้าของข้า…”

ในตอนนั้นเองที่มู่ซืออวี่สังเกตเห็นว่าสายตาของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้จับจ้องสิ่งใดเป็นพิเศษ

ที่แท้ก็ตาบอดนี่เอง

“อยู่นี่” มู่ซืออวี่ยัดไม้เท้าใส่มือของอีกฝ่าย

ในตอนนั้นเองที่อารมณ์ของหญิงตาบอดค่อย ๆ สงบลง ราวกับได้รับสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้คืนมา

“ขอบคุณ” หญิงสาวแปลกหน้าเอ่ยเบา ๆ “ข้าไม่เป็นไร ข้าขอโทษ ดูเหมือนข้าจะทำให้ท่านตกใจแล้ว”

มู่ซืออวี่ช่วยพยุงอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “คนที่ควรขอโทษควรเป็นข้า ข้าควรจะสังเกตเห็นท่าน บ้านท่านอยู่ที่ใดหรือ? ข้าจะไปส่งท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย